Wednesday, December 2, 2015

การบูชาจอมเทพโอดิน และมหาเทวีเฟรยา (1)






ในวัฒนธรรมของชาวนอร์สแต่ดั้งเดิม มีการนับถือเฉพาะจอมเทพโอดินและมหาเทวีเฟรยาคู่กัน ในลักษณะของทวิเอกานุภาพมานานแล้ว

และในศาสตร์แห่งรูนส์ ที่ผมได้รับการถ่ายทอดมา ก็มีการบูชาพระเป็นเจ้าทั้งสององค์นี้เป็นเทพบรมครู ซึ่งจากการที่ผมได้ใช้รูนส์ตามแนวทางนี้มาตลอดระยะเวลากว่ายี่สิบปี เห็นชัดเลยนะครับ ว่าทั้งปรีชาญาณ (Wisdom) และพลังอำนาจของรูนส์ ไม่ว่าจะในการพยากรณ์ หรือการประกอบพิธีต่างๆ จะเห็นผลที่ชัดเจน ละเอียด และลึกซึ้ง มากกว่าสายอื่นที่เขาแนะนำให้ใช้รูนส์โดยไม่บูชาเทพองค์ใดนะครับ

ผมจึงเห็นสมควรที่จะนำวิธีการปฏิบัติบูชาพระเป็นเจ้าทั้งสององค์ ที่ได้นำเสนอเรื่องราว-คติความเชื่อโดยสังเขปไปแล้ว มาบรรจุไว้ในบทความนี้

เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับผู้ซึ่งต้องการจะประกอบกิจพิธีบูชาพระเทวรูปขององค์เทพทั้งสองให้ถูกต้อง โดยไม่ต้องไปเสียเวลากับสำนักไสยศาสตร์ฉ้อฉลบางแห่ง ที่แต่งคัมภีร์ประเภทคิดเอาเอง หรือแปลตำราฝรั่งมาผิดๆ ถูกๆ อีกต่อไป

แต่จำเป็นต้องขอให้ทำความเข้าใจร่วมกันไว้ ณ ที่นี้เสียก่อนนะครับ ว่า :

1.วิธีการต่างๆ ที่นำมาเสนอนี้ เป็นสิ่งที่แนะนำให้ปฏิบัติในฐานะเรื่องส่วนบุคคลเท่านั้น

มิใช่สิ่งที่จะนำไปโชว์ผู้อื่นเพื่อโอ้อวด หรือสั่งสอนใครต่อไป เพราะการที่จะทำเช่นนั้นได้ในความเป็นจริง ต้องศึกษากันอีกมาก เฉพาะแค่บทความนี้ ไม่มีทางทำให้ใครกลายเป็นผู้วิเศษขึ้นมาได้เป็นอันขาด

2.วิธีการต่างๆ ที่นำมาเสนอนี้ มิใช่เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่ถูกต้อง

วิธีอื่นของสำนักอื่นที่ถูกต้องยังมีอีก ผู้ศึกษาที่มีความพากเพียรจริงจะได้ค้นพบในกาลข้างหน้า ตอนนี้เริ่มต้นอย่างนี้ไปก่อน ไม่ง่ายและไม่ยาก เป็นการวัดใจกันได้ระดับหนึ่งครับ แล้วถ้ามีพื้นฐานที่เพียงพอ จะไปต่อยอดที่ไหนก็ไม่เป็นปัญหา

3.วิธีการต่างๆ ที่นำมาเสนอนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้หนึ่งผู้ใดคัดลอกไปเผยแพร่ที่อื่นโดยอ้างว่าเป็นของสาธารณะ

เพราะบางส่วนเป็นรูปแบบเฉพาะของสำนักที่ผมได้รับการถ่ายทอดมาโดยตรง ไม่ใช่แบบอย่างที่มีการเผยแพร่กันอยู่ทั่วไป

4.วิธีการต่างๆ ที่นำมาเสนอนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้หนึ่งผู้ใดนำไปใช้เป็นเครื่องมือหลอกลวงผู้อื่น ว่าตนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการถ่ายทอดเทวศาสตร์อาซาทรูมาโดยตรง เพื่อประโยชน์ในทางธุรกิจที่เกี่ยวกับเทวรูปและวัตถุมงคลใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อเข้าใจร่วมกันได้ดังนี้แล้ว ก็ได้เวลาสำหรับการก้าวเข้าสู่โลกแห่งเทวศาสตร์อาซาทรูอย่างจริงจังเสียทีนะครับ

ห้องบูชา

ได้กล่าวในบทความก่อนหน้านี้แล้วว่า พิธีกรรมในลัทธิศาสนาอาซาทรูนั้น โดยมากจัดขึ้นกลางแจ้ง และสถานที่ประกอบพิธีกรรมจะต้องมีต้นไม้ใหญ่สำหรับเป็นสัญลักษณ์แทนพฤกษาโลก ซึ่งในทวีปยุโรปไม่เป็นการลำบากที่จะใช้ต้นโอ๊คหรือต้นแอช


ภาพจาก http://en.wikipedia.org

แต่ในบ้านเราแล้วคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องจัดเตรียมห้องสำหรับการประกอบพิธีกรรมดังกล่าวโดยเฉพาะ

ห้องที่ว่านี้ควรมีความเป็นส่วนตัวมากเพียงพอ อย่างน้อยเวลาประกอบพิธีควรปลอดจากการรู้เห็นของคนอื่นนะครับ เพราะยิ่งมีคนรู้เห็นการประกอบพิธีกรรมของเราน้อยเท่าไร ยิ่งดีเท่านั้น

แต่ก็ควรเป็นห้องที่มีอากาศถ่ายเท และมีแสงเข้าจากทิศตะวันออกด้วย (อย่าเลือกห้องที่มีหน้าต่างในแนวเหนือ-ใต้)

ดังนั้นถ้าห้องนอนไม่ซกมกจนเกินไป ใช้ห้องนอนได้ครับ ไม่จำกัดว่าจะเป็นห้องนอนผู้หญิงหรือผู้ชาย ถึงตั้งแท่นแล้วก็ประกอบกิจกรรมส่วนตัวได้ตามปกติ ไม่ต้องปิดบังหรือเขินอายใดๆ ทั้งสิ้น เทพไวกิ้งท่านไม่ถือสาในเรื่องพวกนี้

เมื่อได้สถานที่ที่เหมาะสมแล้ว ก็ต้องจัดหาอุปกรณ์ดังต่อไปนี้ครับ

แท่นบูชา

ถ้าเป็นไปได้ ควรเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ปิดหน้าด้วยแผ่นหินอ่อน ตัวโต๊ะจะเป็นไม้หรือเป็นโลหะก็ได้ แต่ไม่ใช่โต๊ะกลมแบบที่เรียกกันว่า โต๊ะเช็คโกที่มีขายกันตามร้านเฟอร์นิเจอร์จีนทั่วไปนะครับ

ถ้าไม่สะดวกที่จะหาโต๊ะประเภทดังกล่าว ก็ใช้ตู้ขนาดสูงไม่เกิน 120 ซ.ม.ทำด้วยไม้หรือเหล็กก็ได้ แล้วสั่งตัดหินอ่อนให้พอดีปิดด้านบนทั้งหมดแทน

หรืออย่างน้อย ต้องมีหินอ่อนไว้สักแผ่นหนึ่งสำหรับประดิษฐานเทวรูป เอาผ้าทอสีน้ำเงินหรือสีน้ำตาลเข้มอย่างดีสักผืนมาวางคลุมบนตู้ แล้วค่อยวางแผ่นหินอ่อนลงไปในตำแหน่งที่จะประดิษฐานเทวรูป เท่านี้ก็เสร็จไปขั้นหนึ่ง

แท่นบูชานี้จะต้องตั้งพิงผนังด้านทิศเหนือ หันหน้าไปทางทิศใต้ นี่ละครับทำไมผมถึงว่าไม่ควรเลือกห้องที่มีหน้าต่างในแนวเหนือ-ใต้ เพราะตามหลักเทวศาสตร์อาซาทรูที่ผมศึกษามา แท่นบูชาต้องหันข้างให้หน้าต่างครับ

และที่สำคัญคือ ถึงจะตั้งแท่นในห้องนอนก็ไม่ควรหันหน้าแท่นไปตรงกับเตียงนอน โต๊ะเครื่องแป้ง ห้องน้ำ บันได ถังขยะ และกระจกเงา

กลางโต๊ะด้านในสุดประดิษฐานเทวรูปจอมเทพโอดิน คู่กับเทวรูปมหาเทวีเฟรยา โดยเมื่อเราหันหน้าเข้าหาแท่นบูชา จอมเทพโอดินอยู่ซ้ายมือของเรา มหาเทวีเฟรยาอยู่ขวามือ

เทวรูป


ภาพจาก https://www.tumblr.com

เทวรูปของจอมเทพโอดิน และมหาเทวีเฟรยา เดี๋ยวนี้มีมากมายหลายรูปแบบในเว็บไซต์ต่างๆ ครับ ที่นิยมกันมากจะเป็นเนื้อเรซินผสมผงหินอ่อน ชุบสีแบบ Cold Cast Bronze สามารถเลือกหาตามใจชอบได้สบาย เพียงแต่ถ้าจะบูชาสององค์คู่กัน ก็หาแบบที่ตั้งด้วยกันแล้วดูเข้ากันหน่อยก็พอครับ

เทวรูปเหล่านั้น 99% จะไม่ได้รับการเทวาภิเษก ซึ่งหมายความว่าถ้าเอามาตั้งบูชา กี่ปีกี่ชาติก็ไม่มีพลังอำนาจใดๆ ทั้งสิ้นครับ เพราะเขาทำไว้สำหรับเป็นของบูชาก็ได้ ของแต่งบ้านก็ได้

แต่กฎพื้นฐานทางเทววิทยาก็คือ เทวรูปที่จะใช้ในการบูชาให้ได้ผล ต้องผ่านการเทวาภิเษก และต้องเป็นการเทวาภิเษกที่ถูกต้องตามคติแห่งการบูชาเทพนั้นๆ ด้วยนะครับ จะใช้ศาสตร์อื่น เช่น วิคคา (Vicca) ไม่ได้ เพราะมีผลน้อย หรือไม่ก็ไม่มีผลเลย

ซึ่งถึงแม้ว่าในหนังสือ อติเทวปกรณ์ ผมจะเขียนวิธีการเทวาภิเษกเทวรูปอาซาทรูด้วยตัวเองไว้แล้วก็จริงครับ แต่ผมมองว่า คนที่จะทำได้ตามนั้น ต้องมีพื้นฐานเทวศาสตร์ยุโรปสายอื่นๆ มาแล้วพอสมควรเลย และจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผ่านมา ทุกคนที่มีหนังสือเล่มนั้น ก็ไม่มีใครยอมตั้งพิธีเสกเองหรอกครับ ล้วนแต่ยกมาให้ผมทำพิธีให้ทั้งนั้น

ดังนั้น ชอบใจเทวรูปแบบไหนในเน็ต ก็ไปสั่งมาครับ บวกค่าส่งแล้วก็ไม่ถึงกับแพงอะไรมากมาย แล้วยกมาให้ผมทำพิธีให้ พิธีผมก็สายเดียวกับที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนั้นละครับ แต่จะมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน เพราะผมเรียนมาโดยตรง ไม่ใช่เป็นแบบที่ใช้สำหรับบุคคลทั่วไป

ค่าพิธีผมคิดองค์ละ 2,000 บาท สำหรับเทวรูปแบบ Cold Cast Bronze ที่อธิบายไปแล้ว ซึ่งขนาดจะประมาณเทวรูปหน้าตัก 4 นิ้วของไทย ถ้าใหญ่กว่านั้นก็เพิ่มนิ้วละ 500 เล็กกว่าก็ลดลงตามส่วน แต่ถ้าเล็กกว่าเทวรูปหน้าตัก 3 นิ้วไทย จะใช้ไม่ได้ผลในการบูชาครับ




จริงๆ ผมเองก็มีเทวรูปของมหาเทวีเฟรยาที่ทำพิธีไว้นานแล้วเหลืออยู่สองสามองค์ ให้เช่าบูชาในราคาใกล้เคียงกับราคาที่คุณสั่งจากเน็ตบวกค่าส่งครับ ตอนนี้นำไปขึ้นหน้าวัตถุมงคลไว้เรียบร้อยแล้ว ใครที่คิดว่าจะศึกษารูนส์แบบมีเทพบรมครูที่ถูกต้อง ไม่ใช่ศึกษารูนส์ด้วยลัทธิการเดา หรือครึ่งๆ กลางๆ แบบตำราทั่วไปที่เผยแพร่กัน ก็ลองพิจารณาดู

เครื่องตกแต่งแท่นบูชาอื่นๆ ได้แก่ กริช (Dagger) หรือ ดาบ (หรือทั้งสองอย่าง), แตรเขาสัตว์ หรือ ระฆัง, ถ้วยมีก้าน (Chalice) หรือ ถ้วยที่ทำจากเขาสัตว์ (Drinking Horn), เชิงกำยาน, เชิงเทียน 1 คู่, เตาต้มน้ำมันหอมระเหย, ภาชนะใส่ดอกไม้ สมุนไพร และอาหารที่เป็นเครื่องสังเวย

ทั้งหมดนี้ รูปแบบก็ตามใจผู้บูชา จะเอาแบบที่เป็นไวกิ้งทั้งหมดก็มีครับ ต้องสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต แล้วก็มีข้อแม้อยู่แค่ว่า นอกจากแตรเขาสัตว์หรือระฆัง และ Drinking Horn แล้ว ก็ควรเป็นวัสดุอย่างเดียวกันหมด และถ้าเป็นโลหะหรือดินเผาก็จะดีที่สุดเลยครับ ส่วนเตาต้มน้ำมันหอมระเหยควรทำด้วยดินเผา หรือเซรามิกเท่านั้น





เทียนที่ใช้ในการบูชาเทพอาซาทรูนั้น ถ้าดูจากขนาดของเทวรูปที่มีจำหน่ายอยู่ในอินเตอร์เน็ต ส่วนมากเทียบได้กับพระหน้าตัก 4 นิ้วของไทยเราเท่านั้นละครับ

ดังนั้นผมว่าใช้เทียนฝรั่งทรงเตี้ยดีที่สุด ใครจะใช้เทียนหอมที่มีกลิ่นสัมพันธ์กับองค์เทพที่บูชาอยู่ก็ได้ (ดูจากสมุนไพรว่าเป็นกลิ่นอะไรแล้วหาเทียนกลิ่นเดียวกัน) หรือหาไม่ได้ก็เทียนชา (Tealight Candle) นั่นละครับชัวร์ที่สุด

ของพวกนี้หาได้ในเมืองไทยทั้งหมด ตามแหล่งที่ผมบอกแล้วครับ ที่ต้องสั่งจากเมืองนอกคือ เหล้าน้ำผึ้ง แตรเขาสัตว์ Drinking Horn และหินรูนส์

เหล้าน้ำผึ้ง (Mead)

เป็นสิ่งที่อาซาทรูเออร์ฝรั่งนิยมกันว่า จำเป็นต้องมีในการบูชา แต่การสั่งซื้อเหล้าน้ำผึ้งตามตำรับไวกิ้งจริงๆ เข้ามาในไทยจะต้องเสียภาษีสรรพสามิตครับ


Drinking Horn สำหรับใส่เหล้าน้ำผึ้งเวลาเฉลิมฉลอง

ดังนั้นจึงอนุโลมให้ใช้ ชามะนาวผสมน้ำผึ้ง แทน (ผมไม่ได้อนุโลมเอง ตำราฝรั่งเขาอนุโลมมาก่อนแล้ว) ซึ่งผมเองก็ใช้อยู่ครับ แถมยังมีข้อดีอีกข้อ คือทำให้ผู้บูชาไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ด้วย

พวกไวกิ้งแม้จะขี้เมา และอาซาทรูเออร์ยุคนี้ส่วนมากก็เมาเก่งพอๆ กัน แต่เราไม่จำเป็นต้องกินเหล้าก็บูชาจอมเทพโอดินและมหาเทวีเฟรยาได้ครับ โดยไม่มีผลเสียอะไร

ส่วน Drinking Horn นี่สำหรับผู้ชื่นชอบไวกิ้งจริงๆ นะครับ เพราะสนนราคาของมันค่อนข้างแพง และถ้าจะถามถึงความจำเป็น ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่มันได้ผลเรื่องหน้าตาไงครับ เวลาอวดเพื่อนว่า ข้านี่แหละแฟนคลับไวกิ้งของแท้ ผมเองยังใช้ถ้วยแบบ chalice เลยครับ จัดวางก็ง่าย ทำความสะอาดก็ง่ายกว่าเห็นๆ

แตรเขาสัตว์ (Signal Horn)

นี่ก็อีกละครับ ที่มีผลต่อหน้าตามากกว่าต่อพิธีจริงๆ เพราะมีอาซาทรูเออร์ไม่กี่คนหรอกครับที่เป่าแตรเขาสัตว์เป็น ดังนั้นส่วนมากเขาก็เอาไว้ใช้ในพิธีใหญ่จริงๆ หรือเอาไว้ตั้งประดับแท่นบูชาเท่านั้น


ภาพจาก http://rautaportti.fi

ถ้าเป็นการบูชาตามบ้านก็คือใช้ระฆังครับ ระฆังแบบฝรั่งนี่แหละ หาซื้อไม่ยาก แต่อย่าไปเอาระฆังทิเบตหรือระฆังอินเดีย (ประมาณว่ามีลายพระพิฆเนศหรือเครื่องหมายโอม) แบบนั้นไม่ดีครับไม่เหมาะ

เชิงกำยาน



ภาพจาก http://www.aliexpress.com

จะใช้แบบใดก็ได้ เพราะเป็นของที่พบเห็นได้ดาษดื่นในบ้านเรา แหล่งที่มีมากที่สุดคือตลาดนัดจตุจักร แต่ที่ออกแบบได้สวยงามและมีรูปแบบที่เข้ากับแท่นบูชาเทพยุโรปเหนือได้ดีกว่า สามารถหาได้ที่เชียงใหม่ครับ

สมุนไพรสำหรับใช้ในพิธีบูชา

ตามคติเดิมเขาใช้ใบของต้น แอช (Ash) และดอก Morning Glory สำหรับจอมเทพโอดิน, ต้น เอลเดอร์ (Elder) หรือ เบิร์ช (Birch) และดอกลิลลี่ หรือดอก Moon Flower สำหรับมหาเทวีเฟรยา


ภาพจาก http://www.mkprojects.com

สมุนไพรที่ว่ามานี้ควรเป็นของสด แต่ถ้าเป็นของแห้งก็ไม่ถือว่าผิดอะไรหรอกครับ และที่จริงในบ้านเราก็หาของแห้งได้ง่ายกว่าของสด เพราะสามารถหาได้ตามแผนกเครื่องเทศของซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ที่มีลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ

ถ้าหามาได้ไม่ครบไม่เป็นไร หาไม่ได้เลยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีโอกาสที่จะหามาได้ก็ควรกระทำครับ อย่างน้อยใช้ในการบูชาประจำปี คือปีละครั้งก็ยังดี

น้ำมันหอมระเหย

อันนี้จำเป็นครับ ขาดไม่ได้ แล้วก็ต้องเป็นน้ำมันหอมระเหยแท้ (Essential Oils) ด้วยนะครับ ไม่ใช่น้ำมันหอมสังเคราะห์ราคาถูก ที่มีขายกันดาษดื่นทั่วไป



ภาพจาก http://www.ebay.com

น้ำมันหอมระเหยแท้ส่วนใหญ่จะมีราคาแพง และหาได้ตามร้านค้าที่ขายผลิตภัณฑ์อโรมาเธอราพี (Aromatherapy) ซึ่งในไทยเราก็มีอยู่ตามห้างใหญ่ๆ โดยถ้ายึดตามตำราดั้งเดิมนะครับ น้ำมันหอมระเหยที่ใช้สำหรับจอมเทพโอดิน ซึ่งพอหาได้ในเมืองไทยคือ ซีดาร์วู้ด (Cedarwood), ไพน์ (Pine) และ ไม้จันทน์ (Sandalwood) ส่วนของมหาเทวีเฟรยา คือ กุหลาบ ไม้จันทน์ และ มินท์ (Mint)

ผมเองก็ไม่ได้ใช้น้ำมันหอมเหล่านี้หรอกครับ เพราะ อ.อรชร เอกภาพสากล นักสุคนธศาสตร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยปัจจุบัน ผู้เขียนหนังสือ มหัศจรรย์น้ำมันหอมระเหย ได้คิดค้นสูตรเบลนด์สำหรับการบูชาคุรุเทพทั้งสององค์นี้รวมกันไว้นานแล้ว ซึ่งน่าจะเรียกได้ว่า เป็นสูตรเบลนด์สูตรแรกในโลกเลยทีเดียว สำหรับวงการอาซาทรูเออร์

เพราะเท่าที่ผมทราบ ตอนนี้ฝรั่งยังไม่มีใครคิดค้นสูตรนี้นะครับ

ที่ผมใช้สูตรนี้สูตรเดียว ก็เพราะเมื่อนำบูชาแล้ว ปรากฏว่าได้ผลดีกว่าน้ำมันหอมเดี่ยวๆ ตามที่ผมยกตัวอย่างมาเสียอีก





เพราะบรรดาน้ำมันหอมเดี่ยวๆ เหล่านั้น คนที่ธาตุเจ้าเรือนไม่ถูกกันอาจแพ้ หรือเสียสุขภาพเอาง่ายๆ ส่วนสูตรเบลนด์นี้คือใช้ได้กับคนทุกธาตุเจ้าเรือน ไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใดครับ

ผมถึงว่า อะไรที่หาได้ในเมืองไทย เราก็จัดไปตามนั้นเถอะครับ ไม่จำเป็นต้องไปแสวงหา หรือรอซื้อของฝรั่ง ใครสนใจอยากได้ก็ติดต่อที่บล็อกของ อ.อรชร โดยตรงนะครับ คือ http://mysticaaroma.blogspot.com

น้ำมันหอมระเหยใช้กับเตาหรือ Burner ซึ่งจะมีเบ้าให้ใส่น้ำไว้ด้านบน และมีช่องสำหรับจุดเทียนชาไว้ข้างใต้ จุดเทียนอุ่นน้ำมันให้ร้อนแล้วค่อยหยดน้ำมันหอมระเหยลงไปครับ




เตาต้มน้ำมันนี้ ผมไม่แนะนำให้ใช้แบบที่เป็นโลหะ เพราะมันจะทำปฏิกิริยากับน้ำมันหอมระเหยแล้วก็อาจจะได้มะเร็งเป็นของแถม เอาเป็นว่าเตาดินเผาดีที่สุดครับ หาง่ายหาได้ทั่วไป

หินรูนส์ (Runestone)

หินรูนส์โดยปกติเป็นของค่อนข้างหายากในบ้านเรา ร้านหนังสือใหญ่ๆ เช่น Asia Books และ Kinokuniya มักนำเข้ามาจำหน่ายบ้างเป็นครั้งคราว


ภาพจาก https://www.pinterest.com

ถ้าหาจากอินเตอร์เน็ตก็ไม่ยากหรอกครับ เพียงแต่อย่าไปเอาแบบที่เป็นแก้วใส หรือหินสีที่แต่ละก้อนสีไม่ซ้ำกัน แบบนั้นยากต่อการทำนายสำหรับมือใหม่ครับ

ตามปกติ หินรูนส์จะมีถุงหรือกล่องสำหรับบรรจุโดยเฉพาะ และที่วางที่เหมาะสมหลังจากการใช้งานก็คือบนแท่นบูชานั่นเองครับ

การเลือกเทวรูป และเครื่องบูชาทุกชนิด ผมขอย้ำว่าแม้จะมีทางเลือกที่จำกัด แต่ไม่ควรรีบร้อนครับ ต้องเชื่อสัญชาติญาณของเราเป็นหลัก

สิ่งใดที่เรารู้สึกว่ายังไม่ใช่ นั่นก็ไม่เหมาะกับเรา เพราะเทวรูปและอุปกรณ์ที่เรารู้สึกว่าเหมาะสมเท่านั้น ที่จะเชื่อมโยงกับเราได้

จงอย่าลืมว่า อานุภาพแห่งพิธีกรรมของเรา มีเหตุปัจจัยหลักอยู่ที่พลังจิตของเรา มิใช่วัตถุที่เกี่ยวข้องครับ

โดยปกติ การตั้งแท่นบูชาในคติของชาวนอร์สนั้นนิยมตั้งกันในเทศกาล ดีสซาบล็อท (Disablot) ตรงกับวันที่ 31 มกราคมและ โอสทารา (Ostara) หรือ วสันต์วิษุวัต (Vernal Equinox) ตรงกับวันที่ 21 มีนาคม ถือว่าเป็นฤกษ์ดีของเขา


ภาพจาก http://www.ravenkindred.com

รูปแบบการจัดวางสิ่งของต่างๆ บนแท่นบูชา ไม่มีกฎเกณฑ์กำหนดไว้แน่นอน ส่วนใหญ่ก็ free style ตามภาพข้างบนนั่นละครับ

ถ้าแบบที่นิยมกันว่ามาตรฐาน คือตั้งเทวรูปไว้ด้านในสุดดังกล่าวแล้ว ถัดมาด้านหน้าเทวรูป วางถ้วยน้ำหรือ Drinking Horn ใส่เหล้าน้ำผึ้ง ถัดมาด้านหน้า วางเชิงกำยานไว้ตรงกลาง ขนาบด้วยภาชนะใส่ดอกไม้และสมุนไพร และ ขนาบอีกชั้นด้วยเชิงเทียน วางเรียงกันไปตามด้านยาวของหน้าแท่นบูชา ถัดมาซึ่งใกล้กับขอบโต๊ะด้านหน้า ก็วางกริชหรือดาบตามยาวหันปลายไปทางทิศตะวันตก

บนแท่นบูชา ไม่จำเป็นจะต้องมีถ้วยน้ำสำหรับพระเทวรูปจัดถวายไว้เป็นประจำ ถ้าใครจะจัดถวายก็ไม่ผิด แต่ไม่ใช่ประเพณีนิยมครับ


มีเทวรูปแล้ว มีเครื่องบูชาแล้ว จัดแท่นเสร็จก็เตรียมประกอบพิธีกันครับ

อ่านต่อที่ การบูชาจอมเทพโอดินและมหาเทวีเฟรยา (2)





……………………………


หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

12 comments:

  1. ตรงไปตรงมามากค่ะ อันไหนมีไว้แค่เท่ก็บอกกันตรงๆ ^ ^

    ReplyDelete
    Replies
    1. บอกตรงๆ ได้อีกว่า เท่กว่านี้ยังมีครับ แต่ต้องกระซิบกันเป็นรายบุคคล 55555

      Delete
  2. ละเอียดมากมายคะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณครับน้องเปีย

      Delete
  3. ติดตามและชื่นชมครับ ข้อมูลในประเทศไทยน้องจริงๆ ส่วนใหญ่ต้องศึกษาจากต่างประเทศอย่างเดี่ยว จะคอยติดตามนะครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณครับ ข้อมูลที่นำมาเผยแพร่นี้ก็คงต้องบอกว่ามีทั้งแบบที่ใช้ได้ทั่วๆ ไป และใช้เฉพาะในสายที่ผมศึกษามา มันก็เลยมีทั้งเหมือนและแตกต่างกับหลายๆ สำนักที่เขาเผยแพร่กันอยู่ทั้งในหนังสือและอินเตอร์เน็ตครับ

      Delete
    2. อยากสอบถามค่าบริการสำหรับพิธีเทวาภิเษกของพระเทวีไอซีสครับ หลังไมค์ก็ได้ครับ nortty@gmail.com ขอบคุณครับ

      Delete
    3. ค่าพิธีเท่ากับเทพอาซาทรู ตามที่ระบุไว้ข้างบนแล้วนะครับ คือองค์ละ 2,000 ถ้าเทียบกับเทวรูปหน้าตัก 4 นิ้วไทย ส่วนเทวรูปของไอซิสที่เทวาภิเษกแล้วก็มีอยู่เช่นกัน ถ้าสนใจจะส่งตัวอย่างให้ครับ

      Delete
  4. จะหาของบูชาได้ยังไงคับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ถ้านอกจากที่บอกไปแล้ว ก็ต้องสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตครับ

      Delete
  5. ถ้าหาเทวรูปไม่ได้ผมสามารถบูชาท่านเป็นรูปภาพแทนได้ไหมครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. การบูชารูปภาพ ต่อให้เป็นภาพที่ผ่านพิธี ก็ไม่ได้มีผลอะไรมากครับ มีพลังไม่มากไปกว่าผ้ายันต์ ที่เอาไว้แขวนผนังบ้าน หรือตั้งโต๊ะเท่านั้น ไม่สามารถตอบรับการบูชาใดๆ

      เทวรูป สมัยนี้หาไม่ยากแล้วนะครับ สั่งทางเน็ตก็มีหลายเว็บที่ส่งถึงเมืองไทย

      ถ้าจะเอามหาเทวีเฟรยาที่เสกแล้ว ก็ยังมีอยู่ใน blog นี้

      http://runesdivinator.blogspot.com/2017/10/blog-post.html

      Delete

Note: Only a member of this blog may post a comment.