Wednesday, December 2, 2015

การบูชาจอมเทพโอดิน และมหาเทวีเฟรยา (2)

การบูชาจอมเทพโอดิน และมหาเทวีเฟรยา ไม่ว่าเพียงองค์ใดองค์หนึ่ง หรือทั้งสององค์รวมกัน มีข้อที่เหมือนและแตกต่างกับการบูชาเทพในลัทธิศาสนาอื่นๆ ข้อที่เหมือนกันก็คือ การสวดมนต์สรรเสริญองค์เทพนั้นควรจะกระทำทุกวัน ทั้งเช้าและก่อนนอน

ส่วนข้อที่แตกต่างนั้นก็คือ การถวายเครื่องสังเวย ไม่จำเป็นจะต้องกระทำกันทุกวันหรือทุกอาทิตย์หรอกครับ ส่วนมากกระทำกันแค่เดือนละครั้ง หรือทำกันเฉพาะวันที่ตรงกับเทศกาลสำคัญ ซึ่งปีหนึ่งมีเพียง 8 หนเท่านั้น

แต่การถวายเครื่องสุคนธบูชา ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ น้ำมันหอมระเหย กำยาน และสมุนไพร สิ่งเหล่านี้ต่างหากครับที่จะต้องถวายกันทุกวัน โดยจัดถวายในช่วงเช้าก่อนที่จะทำกิจกรรมอื่น





สมุนไพรนั้น ก็อย่างที่บอกแล้วว่า งดเสียก็ได้ถ้าเกินความสามารถที่จะไปหา หรือปีหนึ่งจัดถวายสักครั้งก็ได้ครับ แต่เครื่องหอมอื่นๆ ไม่มีข้อยกเว้น โดยเฉพาะน้ำมันหอมระเหย ซึ่งในบทความก่อนหน้านี้ก็มีสูตรเบลนด์สำหรับเทพทั้งสององค์นี้ซึ่งสั่งซื้อได้ในเมืองไทยอย่างที่บอกแล้วนะครับ ไม่จำเป็นต้องไปหาจากต่างประเทศ

กำยานสำหรับเผาบูชารายวัน เท่าที่นิยมกันคือใช้กลิ่นไม้จันทน์และกลิ่นกุหลาบ จะเปลี่ยนไปใช้กลิ่นอื่นหมุนเวียนบ้างก็ไม่เป็นไร และถ้าเป็นกลิ่นดอกไม้ฝรั่งยิ่งดีครับ

ส่วนเครื่องสังเวย เทพอาซาทรูนั้นทรงรับเครื่องสังเวยที่เป็นของคาว เช่นเดียวกับอาหารที่เรารับประทานกัน และถ้าเป็นไปได้ก็ควรถวายอาหารฝรั่งเป็นหลัก ประกอบด้วยเหล้าน้ำผึ้ง (หรือชามะนาวผสมน้ำผึ้ง) ขนมปัง เนย สลัดผัก ไส้กรอกหมูแฮม และเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นหมู ไก่ วัว หรือปลาซึ่งทอดหรือย่างแล้ว




อาจารย์ที่สอนเทวศาสตร์อาซาทรูให้ผม ท่านบอกว่า มหาเทวีเฟรยาโปรดอาหารจำพวกสลัดที่ปรุงด้วยผลไม้นานาชนิด รวมทั้งขนมหวานประเภท ทาร์ต (Tart) และ มูส (Mousse) ส่วนจอมเทพโอดิน นอกจากเหล้าน้ำผึ้งแล้วก็ไม่โปรดอาหารอะไรเป็นพิเศษ ถ้าไม่ถวายเหล้าน้ำผึ้ง ก็ควรเน้นถวายอาหารหรือขนมที่มีน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบแทน

การถวายเครื่องสังเวย สำหรับการบูชาเดือนละครั้งและการบูชาประจำปี มีความแตกต่างกันที่ปริมาณครับ

เครื่องสังเวยสำหรับถวายในแต่ละเดือน จัดโดยประมาณให้เพียงพอสำหรับคนคนหนึ่งหรือสองคนรับประทานเท่านั้น (แล้วแต่จำนวนองค์เทพที่บูชาอยู่)

แต่ถ้าเป็นการบูชาประจำปี แม้เราจะมุ่งบูชาเทพองค์ใดองค์หนึ่งเป็นหลัก แต่ก็ต้องอัญเชิญและถวายเครื่องสังเวยแด่เทพอีกองค์ที่ประดิษฐานอยู่ร่วมแท่นบูชานั้นด้วย และถึงจะบูชาเทพเพียงองค์เดียวเท่านั้น การจัดเครื่องสังเวยถวายก็ต้องเพิ่มปริมาณและชนิดให้มากกว่าปกติ ประหนึ่งว่าเป็นงานเลี้ยงย่อยๆ ทีเดียวครับ

วันบูชาประจำปีของจอมเทพโอดิน และมหาเทวีเฟรยา ได้แก่

จอมเทพโอดิน : วันที่ 17 สิงหาคม และ 12 พฤษจิกายนของแต่ละปี

มหาเทวีเฟรยา : วันที่ 7 มกราคม, 21 มีนาคม และ 12 ตุลาคมของแต่ละปี

จะเลือกเอาวันใดวันหนึ่งสำหรับเทพองค์หนึ่งเป็นวันบูชาประจำปี หรือจะถือเอาทุกวันที่ได้ลำดับมานี้เป็นวันบูชาเทพองค์นั้นๆ ประจำปีก็ได้นะครับ ไม่มีข้อห้าม

การถวายเครื่องสังเวย ไม่ว่าจะเป็นการบูชารายเดือนหรือการบูชาประจำปี ให้เริ่มพิธีในช่วงเย็น ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไปครับ แต่ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นชุมชนหนาแน่น ตอนเย็นอาจเป็นเวลาที่มีเสียงดังรบกวนมากที่สุด ก็ควรเปลี่ยนไปเริ่มตั้งแต่เช้า 06.00 น. แทน

โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ครับ :





1. เตรียมเครื่องบูชาใส่ภาชนะ แล้วทยอยยกขึ้นไปจัดบนแท่นบูชาให้เรียบร้อย เฉพาะเหล้าน้ำผึ้ง (หรือชามะนาวผสมน้ำผึ้ง) นั้นยังไม่ต้องรินใส่ถ้วยนะครับ

ถ้าแท่นบูชาไม่มีที่พอ ก็หาโต๊ะอีกตัวหนึ่งมาตั้งไว้หน้าแท่นบูชา เพื่อวางภาชนะใส่อาหารทั้งหมด ถ้ามีดาบก็วางพิงผนังข้างแท่นบูชา หรือพิงไว้กับโต๊ะที่วางเครื่องสังเวยก็ได้ครับ ถ้าเป็นกริชหรือดาบสั้นก็วางบนแท่นบูชา ตามลักษณะที่ได้กล่าวแล้วในบทความก่อนหน้านี้

2. จุดเทียน เผากำยาน ต้มน้ำมันหอมระเหย เป่าแตรเขาสัตว์เป็นเสียงหวูดยาวๆ 1 ครั้ง ถ้าไม่มีแตรเขาสัตว์ หรือมีแต่เป่าไม่เป็น ก็สั่นระฆังแทน

ถ้าจะเปิดดนตรีถวายก็เปิดเลยครับ ก่อนที่จะเป่าแตรเขาสัตว์หรือลั่นระฆัง โดยควรเปิดเพียงเบาๆ อย่าให้ดังรบกวนการว่าคาถา

ดนตรีที่ใช้ประกอบพิธีบูชาเทพอาซาทรูนั้น ผู้เชี่ยวชาญส่วนมากแนะนำให้ใช้เพลงบรรเลงคลาสสิคที่เป็นบทประพันธ์ของ ริชาร์ด วากเนอร์ (Richard Wagner) ซึ่งเป็นผู้แต่งอุปรากรเกี่ยวกับตำนานเทพยุโรปเหนือที่มีชื่อเสียงที่สุด

แต่ผมเห็นว่า ควรใช้บทเพลงสั้นๆ ที่บรรเลงด้วยพิณฝรั่ง หรือ ฮาร์พ (Harp) เพียงชิ้นเดียวจะดีกว่า และจะเป็นบทเพลงพื้นเมือง เพลงสมัยเรอเนสซองส์ บาโร๊ค คลาสสิค หรือเพลงในแนวนิวเอจก็ได้

เพียงแต่อย่าใช้บทเพลงที่เกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาส และบทเพลงสรรเสริญพระเจ้าในศาสนาคริสต์ก็พอครับ

4. เมื่อเป่าแตรเขาสัตว์ (หรือลั่นระฆัง) แล้วก็วางลงบนแท่นบูชาหรือบนโต๊ะที่วางเครื่องสังเวย ยืนตัวตรง หยิบดาบหรือกริชชักออกจากฝัก ชูขึ้นเบื้องหน้าให้ด้ามดาบอยู่ระดับสายตา ปลายดาบชี้ขึ้นข้างบนและแบะออกไปทางขวามือเล็กน้อย มือซ้ายยกขึ้นเบื้องหน้าระดับเดียวกับด้ามดาบ

กล่าวคาถาอัญเชิญจอมเทพโอดิน พระเทวีเฟรยา ดังนี้:

คาถาบูชาจอมเทพโอดิน

Heill sé þér Óðinn, konugur Ásgarðs, þú sem hefur ferðast um hina níu heima, þú sem sérð allt og ert rúnameistari, þú þekkir fortíðina, nútímann og framtíðina, þú ert guð þekkingar og visku.Veittu mér vald yfir þessum seið.

เฮลล์ เซร์ เธร์ โอธีนน์, โคนูเกอร์ อัสการ์ธส, ธู เซม เฮเฟอร์ แฟร์ธาสท์ อุม ฮีนา นียู เฮมา, ธู เซม เซธ อัลท์ อ็อก แอร์ท รูนาเมสทารี, ธู เธคเคียร์ ฟอร์ทีธีนา, นูทีมาน อ็อก ฟรัมทีธีนา, ธู แอร์ท กูท เธคคีงการ์ อ็อก วีสคู, เวททู เมร์ วัลด์ อีเฟียร์ เธสซูม เซธ.

คาถาบูชามหาเทวีเฟรยา

Heill sé þér Freyja, þú sem drottnar yfir fegurðinni, drottning Valkyrjanna, gyðja velsældar, ástar, frjósemi og valdi kvenna, gyðja töfra og seiða. Veittu mér þann styrk og töframátt sem ég þarfnast.

เฮล์ เซร์ เธร์ เฟรยา, ธู เซม ดร็อทนาร์ อีเฟียร์ เฟเกอร์ธีนนี, ดร็อทนิง วัลเคียรยานนา, กีธยา เวลเซลดาร์, อัสทาร์, ฟระโยเซมี อ็อก วัลดี เควนนา, กีธยา เธอฟรา อ็อก เซธา, เวททู เมร์ ธานน์ สเทียร์ค อ็อก เทอฟรามาทท์ เซม เอ็ก ธาร์ฟนาสท์.

4. รินเหล้าน้ำผึ้ง (หรือชามะนาวผสมน้ำผึ้ง) ลงในถ้วยเขาสัตว์หรือถ้วยที่เตรียมไว้ แตะปลายดาบหรือกริชลงบนถ้วย แล้ววาดผ่านเครื่องสังเวยทั้งหมดจากซ้ายไปขวา เก็บดาบหรือกริชเข้าฝักวางลงที่เดิม ยกถ้วยขึ้นเบื้องหน้าเทวรูป กล่าวถวายเครื่องสังเวยด้วยคาถานี้

Megi Óðinn Freyja taka vyð fórn þessari.

เมกี โอธีนน์ เฟรยา ทาคา วีธ โฟร์น เธสซารี.

5. อธิษฐานตามแต่ปรารถนา จากนั้นรอจนดนตรีที่เปิดถวายนั้นบรรเลงครบทุกเพลง รวมทั้งหมดกลิ่นน้ำมันหอมระเหย และกำยานเผาไหม้หมดแล้ว จึงอัญเชิญทั้งสององค์เสด็จกลับ ด้วยคาถานี้

Þessi seiður er nú á enda. Megi hinir helgu vættir Valhallar verða með mér. Heill Óðinn. Heill Freyja!

เธสซี เซเธอร์ แอร์ นู อา เอ็นดา. เมกี ฮีเนียร์ เฮลกู เวทเทียร์ วัลฮัลลา แวร์ธา เมธ เมร์.เฮลล์ โอธีนน์. เฮลล์ เฟรยา!

การอ่านออกเสียงคาถาพวกนี้ พยายามให้ได้สำเนียงแบบอังกฤษหรือเยอรมันจะใกล้เคียงมากครับ และถ้าสามารถหาสำเนียงของชาวยุโรปเหนือเช่น สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก มาเทียบได้จะใกล้เคียงยิ่งขึ้น สำหรับอักษร Þ, þ และ ð ที่ผมเทียบเสียงด้วย ธ. นั้น พยายามออกเสียงให้คล้าย th ในภาษาอังกฤษนะครับ

เมื่อเสร็จพิธีแล้ว หากเป็นการประกอบพิธีในช่วงเย็น ก็ลาเครื่องสังเวยที่เป็นอาหารทั้งหมดมากินเป็นอาหารมื้อเย็นได้เลยครับ หากประกอบพิธีในช่วงเช้า ก็ลาเครื่องสังเวยเหล่านั้นมารับประทานเป็นอาหารเช้าได้เช่นกัน รวมทั้งเหล้าน้ำผึ้งหรือชามะนาวผสมน้ำผึ้งด้วย

ส่วนเครื่องบูชาอื่นๆ เช่นดอกไม้และพรรณพืช ก็ปล่อยไว้บนแท่นบูชาอย่างนั้นตลอดคืน แล้วค่อยเก็บออกในช่วงเช้า หรือปล่อยไว้ตลอดวันแล้วค่อยเก็บออกในช่วงเย็น แล้วแต่ช่วงเวลาที่ประกอบพิธีครับ





วิธีการปฏิบัติบูชาดังที่กล่าวมานี้ ใช้ตามแบบอย่างของสำนักที่ผมศึกษามา ซึ่งมีทั้งข้อที่เหมือนและแตกต่างไปจากตำราของนักเทววิทยาสแกนดิเนเวียท่านอื่นๆ ที่เผยแพร่กันอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น Ed Fitch, D.J. Conway หรือ Freya Aswynn

ถ้าจะถามว่าแล้วของใครถูกต้องที่สุด? ก็คงต้องตอบว่าถูกด้วยกันทั้งนั้นละครับ ไม่มีสำนักใดผิด เพราะไม่ว่าจะใช้ของสำนักใดก็ได้ผลเหมือนกัน ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ

เพียงแต่วิธีที่ผมเลือกมานี้ เป็นวิธีที่ผมว่าง่าย ไม่ซับซ้อน และเป็นแบบโบราณจริงๆ กล่าวคือยังไม่ได้รับอิทธิพลจากเทวศาสตร์ของลัทธินิกายอื่นเท่าใดนัก ผู้บูชาจอมเทพโอดิน มหาเทวีเฟรยา ซึ่งประกอบพิธีกรรมตามที่ลำดับมานี้ได้คล่องแล้ว อยากจะเรียนรู้พิธีกรรมที่ซับซ้อนขึ้น ละเอียดขึ้น ก็ศึกษาได้ครับจากตำราของผู้เชี่ยวชาญที่ผมกล่าวถึง

หรือถ้าจะค้นทางอินเตอร์เน็ตก็ได้ครับ ยังมี Website ของสำนักต่างๆ ที่บูชาคณะเทพอาซาทรูเผยแพร่วิธีการปฏิบัติบูชา รวมทั้งข้อมูลประกอบที่หลากหลายน่าสนใจอยู่เป็นอันมาก

ที่ต้องระวังมีอย่างเดียว คือ สำนักไสยศาสตร์ลวงโลก ของพวกอยากเป็นผู้วิเศษทั้งหลาย ที่ตั้งอยู่ในเมืองไทยของเรานี่เองละครับ

สำนักเทวศาสตร์ตะวันตก ที่เผยแพร่ความรู้กันอยู่ทางอินเตอร์เน็ต แม้จะปฏิเสธมิได้ว่า ไม่มีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในเรื่องของความรู้แล้วเขาไม่ค่อยหลอกลวงกันครับ ไม่คุยโม้โอ้อวด หรือสร้างมาตรฐานใหม่ตามใจตนเอง เพราะแต่ละสำนักล้วนมีพื้นฐานที่เกิดจากการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่ศึกษาด้วยตนเองจากตำราที่ไปกว้านซื้อ (หรือบางทีก็ขโมยมา) แล้วก็ตั้งตนเป็นผู้วิเศษ แบบในเมืองไทยของเรา

และถ้าจะกล่าวสำหรับวัตรปฏิบัติ ของผู้ที่จะบูชาคณะเทพอาซาทรูให้ได้ผล สิ่งที่ควรจะต้องเน้นเป็นพิเศษ จนเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของเราเลยนะครับ คือ ความกล้าหาญ และ การมองโลกด้วยทัศนคติของชาวนอร์ส

ไม่ว่าเทพเจ้า หรือวีรบุรุษในเทวตำนานแห่งสแกนดิเนเวีย ล้วนมิได้ยืนหยัด และเผชิญหน้าทุกสิ่งด้วยความองอาจแกล้วกล้า โดยคาดหวังความสำเร็จ หรือชัยชนะเป็นรางวัล พวกเขาต่อสู้เพียงเพื่อให้คนทั้งหลายได้ประจักษ์ว่า พวกเขาได้กระทำอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในช่วงชีวิตอันแสนสั้นที่กินระยะเวลาเพียงน้อยนิด เมื่อเปรียบเทียบกับห้วงเวลาของจักรวาลและสรรพสิ่ง พวกเขาปรารถนาที่จะทิ้งเพียงชื่อเสียง ให้เป็นที่เล่าขานสำหรับคนรุ่นหลังเท่านั้น

เพราะฉะนั้น พระเป็นเจ้าแห่งอาซาทรูจึงโปรดผู้บูชาที่มีคุณธรรมและกล้าหาญ มีความรับผิดชอบทั้งในสิ่งที่ตนทำและพูดครับ

พระองค์ทรงรังเกียจความขี้ขลาด ความลังเล ความเฉื่อยชา การคดโกง ทรงเหยียดหยามนิสัยขี้อิจฉาริษยา หรือกะล่อนปลิ้นปล้อน เอาตัวรอดไปวันๆ แบบศรีธนญชัย 

และพระองค์ก็ทรงสมเพชคนที่ปล่อยชีวิตให้ดำเนินไปตามยถากรรมอย่างไร้ค่า จนกระทั่งตายโดยไม่เหลือสิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ

พระองค์จะทรงอยู่เคียงข้างผู้ควรได้รับการยกย่อง อันเนื่องจากการใช้ชีวิตอย่างดีที่สุด ส่วนผู้ประพฤติในทางตรงกันข้าม ล้วนแต่ไม่อยู่ในสายพระเนตร เว้นแต่ผู้นั้นอยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองให้มีคุณค่าขึ้น พระองค์จึงจะประทานโอกาสและพลังแก่เขา

คนเรามีข้อบกพร่องด้วยกันทุกคนครับ แล้วการแก้ไขความบกพร่องเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ยากเกินกว่ากำลังความสามารถของเราด้วย ขอเพียงแรงบันดาลใจ และการสนับสนุนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องที่ดูเหมือนเหนือบ่ากว่าแรงก็อาจกลับเป็นง่ายนะครับ

ดังนั้น ถ้าผู้อ่อนแอคนใดบูชาพระเป็นเจ้าแห่งอาซาทรู โดยปวารณาตัวที่จะเปลี่ยนความอ่อนแอเป็นความเข้มแข็ง กล้าที่จะเผชิญกับความเลวร้ายทุกสิ่งอย่างไม่เกรงกลัว จอมเทพโอดินก็จะประทานความรู้แจ้งในหนทางแห่งวีรชนนั้นแก่เขา มหาเทวีเฟรยาจะประทานความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลง และควบคุมสิ่งต่างๆ แก่เขา




พวกเรากำลังอยู่ในโลกอันมืดมน ซึ่งตามทัศนคติของชาวนอร์ส ความดีงาม ความจริง และความมีเกียรติได้จบสิ้นไปแล้ว และที่รอเราอยู่เบื้องหน้าคือความพินาศของสรรพสิ่ง ตามกฎแห่งอนิจจัง ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราก็ทรงแสดงไว้เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก่อนเช่นกันครับ

บางทีอาจไม่มีแม้เพียงสิ่งเดียว ที่จะทำให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานกล่าวถึงเรา ถ้าหากว่าเราไม่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอุดมการณ์ที่จะสร้างชื่อเสียง จากสิ่งที่กระทำได้ดีที่สุดในชีวิตอันสั้น เฉกเช่นอุดมการณ์แห่งวีรชนชาวนอร์ส



……………………………


หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

13 comments:

  1. เยี่ยมมากค่ะ! พวกนักก๊อปเห็นแล้วคงตัวสั่น น้ำลายไหลยืด ยืด ยืด

    ReplyDelete
    Replies
    1. ก็คงจะมีละครับ ตัดไปแปะในบล็อกหรือในเว็บตัวเอง หรืออาจจะเอาไปแปะในหนังสือแล้วก็อ้างว่าเรียนมา ถ้าผมเจอเมื่อไหร่ก็เป็นเรื่องเมื่อนั้นครับ เพราะคาถาพวกนี้มีลิขสิทธิ์อยู่แล้ว

      Delete
  2. ถ้ามีใครก๊อปคาถาไปใช้จริงๆ จะเกิดอะไรคะ มีอาถรรพณ์แบบเทพฮินดูมั้ย

    ReplyDelete
    Replies
    1. มีแน่นอนครับเปีย คนที่ทำจะกลายเป็นคนบ้า เพี้ยน สติไม่ดี ถ้าเคยมี sense หรือสื่อกับสิ่งทิพย์อะไรได้มาก่อนก็เพี้ยนหมดละครับ หรือไม่ก็หายเกลี้ยง ทำไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต ถ้าเป็นหมอดู ต่อให้ดูด้วยศาสตร์อื่นก็จะเพี้ยนตามไปหมด ที่เคยทำนายถูกก็กลายเป็นผิดซะงั้นละครับ เพราะจอมเทพโอดินท่านเอาปรีชาญาณคืน

      Delete
    2. แถมที่เด็ดกว่าคือ อาถรรพณ์ในสายอาซาทรูนี่ เมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่มีใครแก้ได้นะครับ จะใช้ไสยศาสตร์-เทวศาสตร์ของที่ไหนมาแก้ก็แก้ไม่ได้ หรือจะมาให้ผมแก้ด้วยศาสตร์ของอาซาทรู ต่อให้ผมใจอ่อนก็แก้ให้ไม่ได้เพราะมันไม่มีวิธีแก้ไงครับ พวกมักง่ายขโมยวิชาผู้อื่นนี่ จอมเทพโอดินท่านไม่ให้โอกาสหรอกครับ ใครอยากลองของก็จะรับไปเต็มๆ

      Delete
  3. ถึงแม้ใช้ศาสตร์อื่นอยู่ แต่ถ้ามาก๊อปไปก็มีผลกระทบกับ sense ที่มีอยู่เหรอคะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ครับ เพราะในฐานะที่เป็นคุรุเทพของรูนส์ จอมเทพโอดินก็คือเทพแห่งปรีชาญาณด้วย ในขณะที่ "ครู" ของศาสตร์อื่นๆ ที่มีทั้งผีทั้งเทพนั้น เขาก็ต้อง concentrate ในด้านของปรีชาญาณด้วยกัน

      Delete
    2. ดังนั้นเอาเข้าจริงแล้วทุกศาสตร์โยงถึงกันหมด คุยกันรู้เรื่องหมดครับ ใครทำผิดในศาสตร์หนึ่งที่เป็นของจริงของแท้ ถ้าคิดว่าจะไปได้ดิบได้ดีในอีกศาสตร์หนึ่งที่เป็นของแท้เหมือนกัน ก็ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอนครับ ยกเว้นว่าจะเปลี่ยนไปเล่นศาสตร์ที่เป็นของโกหกหลอกลวง อันนี้ก็จะพอเป็นไปได้ระยะหนึ่ง แต่ในที่สุดก็หาความสุขความเจริญในชีวิตไม่ได้เหมือนกันครับ

      Delete
    3. ลักษณะนี้ ถ้าเป็นไสยศาสตร์ไทยเขาเรียกว่า ผิดครู พอผิดครูแล้วก็จะกลายเป็น ธรณีสาร จริงๆ ก็เป็นเหมือนกันหมดทุกศาสตร์ครับ มีอาถรรพณ์เหมือนกันหมดไม่ใช่มีเฉพาะไสยศาสตร์ไทย

      Delete
  4. ถวายมหาเทพโอดิน น้ำชามะนาวผสมน้ำผึ้งได้ป่าวครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ได้ครับ ถ้าจะให้ดี ชงเองได้ก็ชงถวายครับ พวกโออิชิ อิชิตันนั่นได้แค่บางสถานการณ์ที่หาอะไรไม่ได้จริงๆ

      Delete
  5. เจ้าของบทความนี้น่าสนใจมากครับผมอยากทราบข้อมูลในศาสตร์ นี้มากครับมีช่องทางติดต่อไหมครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ติดต่อได้ทาง Line ที่ให้ไว้แล้วครับ

      Delete

Note: Only a member of this blog may post a comment.