ใครที่สนใจเรื่องราวของเทพปกรณัมอาซาทรู
ต้องเคยเห็นคำว่า อัสการ์ด, วัลฮัลลา, วัลคีรีส์ไม่มากก็น้อย ผมเองก็เคยเขียนถึงไปบ่อยๆ ครับ
คราวนี้จะขอพูดถึงเป็นกิจจะลักษณะซักที
อัสการ์ด
แปลว่า อุทยานแห่งทวยเทพ (God’s Garden) คือเทวโลกหรือแดนสวรรค์ในลัทธิศาสนาอาซาทรู
ที่จอมเทพโอดินทรงสร้างเพื่อเป็นที่อยู่ของเหล่าทวยเทพ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการคุ้มครองและปกป้องมนุษย์ในมิดการ์ด
หรือโลกของเรานั่นเองครับ
Viking Castle by Reza
อัสการ์ดเป็นดินแดนแห่งความสวยสดงดงาม
อยู่สูงขึ้นไปบนกิ่งก้านพฤกษาโลกเหนือท้องฟ้าแห่งมิดการ์ด และเชื่อมกันด้วยสะพานสายรุ้ง
บีฟรอสต์ (Bifrost)
จอมเทพโอดินทรงสร้าง มหาปราสาทกลัดส์ไฮม์
(Gladsheim)
ขึ้นที่นี่
พร้อมด้วยเทวบัลลังก์อันศักดิ์สิทธิ์ในฐานะองค์ราชาแห่งสรวงสวรรค์ ซึ่งมีชื่อว่า ลี๊ดสเคียลฟ์
(Hlidskialf)
ทุกวันพระองค์จะเสด็จประทับ
ณ เทวบัลลังก์นี้ เพื่อเฝ้ามองสรรพสิ่งในแดนมนุษย์
พระองค์ยังมีอีกาสีดำสนิทสองตัวเป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งทรงรับสั่งให้โบยบินไปทั่วโลก
นำข่าวสารต่างๆ กลับมาถวายรายงานแด่พระองค์
Odin's Throne by Burning Brush Gallery |
นอกเหนือจากการเฝ้าคอยตรวจตราความเป็นอยู่ของมวลมนุษย์
จอมเทพก็ทรงให้กำเนิดเทพเจ้าขึ้นทีละองค์ โดยทรงจำแลงพระวรกายไปลอบสมสู่กับยักษิณีทั้งหลายที่งดงาม
เทพเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น ต่างพากันเข้ามาถวายการรับใช้พระองค์ในอัสการ์ด
โดยแบ่งเบาภาระหน้าที่ในการควบคุมดูแลให้ฤดูกาลรวมทั้งความเจริญงอกงามของสรรพชีวิตต่างๆ
ได้ดำเนินไปตามครรลองของมัน ตามทิพยานุภาพของแต่ละองค์
คณะเทพเหล่านี้เรียกรวมกันว่า
เอเซียร์ (Aesir)
จากเทวบัลลังก์ในมหาปราสาทกลัดส์ไฮม์ ในฐานะที่ทรงเป็นบิดาแห่งสรรพสิ่ง จอมเทพโอดินทรงใช้เวลาแทบทั้งหมด
เฝ้าถนอมและปกปักรักษาสิ่งที่พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่มากที่สุด คือมวลมนุษย์
บรรพชนรุ่นแรกของมิดการ์ด
ที่เป็นลูกหลานของพระองค์ในช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นสั่งสมอารยธรรม ทุกคนทำงานหนัก
และเป็นสุขกับพืชผลทางการเกษตรที่ได้รับ
ไม่มีใครคิดถึงสงครามหรือการต่อสู้แก่งแย่งกัน
แต่พระเป็นเจ้าก็ไม่อาจจะทรงปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปได้
แม้ว่าพระองค์จะทรงพอพระทัยกับความสงบสุขเช่นนี้ก็ตาม
เพราะถึงแม้ว่า
สันติสุขจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่เมื่อถึงวันโลกาวินาศ
อันถือว่าเป็นการสัประยุทธ์ครั้งสุดท้ายระหว่างความดีและความชั่วทั้งปวง
เผ่าพงศ์ยักษ์ อันเป็นตัวแทนของความชั่วที่เตรียมพร้อมจะเข้าทำลายโลกนั้น มีกำลังและความแข็งแกร่งมากมายครับ
ขณะที่วงศ์เทพเอเซียร์อันเป็นตัวแทนของความดีงาม
มีจำนวนน้อยจนไม่พอจะปกป้องโลก
จอมเทพโอดินจึงทรงมีพระดำริว่า
พระองค์จำต้องทรงมีกองทัพนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ไว้คอยรับมือกับกองทัพยักษ์ในช่วงเวลาแห่งการทำลายล้างครั้งยิ่งใหญ่นั้น
พระองค์จึงทรงมีเทวโองการให้
เทพไฮม์ดัลล์ (Heimdall) ไปยังมิดการ์ด
เพื่อประทานความรู้ต่างๆ โดยเฉพาะในด้านการสู้รบ
ดังนั้นในเวลาต่อมา
มวลมนุษย์จึงกระทำสงครามระหว่างกันเพื่อป้องกันตัว
หรือเพื่อรวบรวมทรัพยากรและกำลังคนของอีกฝ่ายหนึ่ง
ถือว่าเป็นสิ่งที่มีเกียรติที่จะได้ต่อสู้อย่างกล้าหาญตามวิถีแห่งสวรรค์ เพราะเป็นไปตามพระประสงค์แห่งพระเป็นเจ้า
และดวงวิญญาณของผู้ที่มีคุณสมบัติดีที่สุดในหมู่คนเหล่านั้น
ซึ่งก็คือผู้กล้าที่ได้รับการขนานนามว่า วีรชน หรือ ไอน์แฮร์ยาร์ (Einherjar) จะได้รับการคัดเลือกโดยจอมเทพโอดิน และคณะเทวีแห่งสงครามหรือ วัลคีรีส์
(Valkyries) ซึ่งเป็นเทพบริวารของพระองค์
เพื่อเป็นกองทัพอันเกรียงไกรแห่งอัสการ์ด ที่จะใช้ต่อสู้กับกองทัพยักษ์ ในวันมหาวิบัติโลก
วัลคีรีส์
ตามเทวตำนานคือเหล่าธิดาของจอมเทพโอดิน ทุกองค์สวมชุดนักรบซึ่งประกอบด้วยหมวกสำริดดุนลาย
มีปีกนกอินทรีสองข้างแบบเดียวกับจอมเทพโอดิน เกราะทำด้วยสำริดดุนลายปิดลำตัวช่วงบนและต้นแขน
ชายเกราะด้านล่างคลุมตลอดสะโพก และทับกระโปรงยาวกรอมเท้า แขนท่อนล่างไปถึงหลังมือมีสนับแขนทำด้วยแผ่นสำริดดุนลาย
และมีสนับแข้งเป็นแผ่นสำริดดุนลายเช่นกันปิดถึงหลังเท้า ด้านหลังคลุมผ้าสีน้ำเงิน
สีเขียว สีทองหรือสีดำ มักถือหอกและโล่กลมแบบนักรบไวกิ้งด้วย
Vakyrie by Iribel ภาพจาก http://www.deviantart.com
ที่ผทบรรยายมานี้
ก็คือภาพลักษณ์ของนักรบหญิงไวกิ้ง ที่เรียกกันว่า Shieldmaiden นั่นเองครับ ในวัฒนธรรมของพวกนอร์สจะมีกลุ่มนักรบหญิงที่ว่านี้ที่มีชื่อเสียงอยู่หลายคน
พวกเธอมักถูกเรียกว่าเป็นวัลคีรีส์ในท่ามกลางสมรภูมิ
และต่างก็มีบทบาททัดเทียมชายทั้งในการออกไปสู้รบในดินแดนอื่น
หรือเพื่อป้องกันบ้านเมืองของตน
รูปภาพของวัลคีรีส์ในงาน
art สมัยใหม่ บางส่วนนิยมเขียนให้มีปีกนกสีดำอยู่เบื้องหลัง
เพราะนางฟ้าแห่งสงครามเหล่านี้จริงๆ แล้วเหมือน กินรี ในตำนานไทยเราครับ
ผมจะนำมาเล่าโดยละเอียดอีกที ถ้าไม่ลืมนะ
ตามความเชื่อของชาวไวกิ้ง
ไม่ว่า ณ ที่ใดที่เหล่ามนุษย์กำลังต่อสู้กันอย่างนองเลือด จอมเทพโอดินและกองทัพวัลคีรีส์นับพันจะปรากฏเหนือท้องฟ้าเบื้องบน
ในลักษณะของกลุ่มเมฆหมอกดำทะมึน พร้อมกับเสียงหวีดหวิวของพายุอันน่าสะพรึงกลัว
พระเป็นเจ้าและเหล่าเทพนารีของพระองค์จะทรงคัดเลือกดวงวิญญาณของผู้กล้า
โดยกำหนดให้พวกเขาต้องทอดร่างลงบนพื้นดิน
วิญญาณนักรบที่ตายในสงครามอย่างกล้าหาญจะถูกฉุดขึ้นไปบนหลังม้าศึกของเหล่านางฟ้าวัลคีรีส์ผู้งดงาม
ไปสู่ หอวัลฮัลลา (Valhalla)
หอวัลฮัลลา หรือหอวีรชนแห่งโอดิน
คืออัครสถานอันสถิตอยู่กลางทุ่งแห่งแสงสว่างที่ประกอบด้วยประตูถึง 540 แห่ง
แต่ละแห่งกว้างใหญ่เพียงพอสำหรับนักรบจำนวน 800 คนสามารถเดินผ่านได้ในเวลาเดียวกัน
ณ ที่นี้ วิญญาณของเหล่าผู้กล้าจะถือกำเนิดขึ้นใหม่
ในฐานะกองกำลังปีศาจแห่งจอมเทพโอดินครับ
และพระองค์จะต้องสะสมกองกำลังนี้ให้เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
ให้มีปริมาณมากพอที่จะเข้าสู่มหาสงครามครั้งสุดท้ายกับเหล่ายักษ์ในวันสิ้นโลก
ภาพจาก http://www.geocaching.com
ดังนั้น
ผู้กล้าหาญจึงเป็นผลตอบแทนเพียงสิ่งเดียวที่พระเป็นเจ้าแห่งอัสการ์ดทรงต้องการจากมวลมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา
เพื่อปกป้องมวลมนุษย์เหล่านั้นในท้ายที่สุดครับ
ส่วนมหาเทวีเฟรยา เทวีแห่งความงาม
ความอุดมสมบูรณ์ และเวทมนต์คาถา ที่ในสายวิชาของผมกำหนดให้บูชาคู่กับจอมเทพโอดิน ก็ทรงมีบทบาทสำคัญในภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์นี้เช่นกันครับ
เพราะในฐานะที่เป็นนางพญาแห่งวัลคีรีส์
มหาเทวีผู้ทรงสิทธิ์ขาดในการบังคับบัญชากองทัพนางฟ้าแห่งสงครามของจอมเทพโอดิน
พระนางก็คือนางพญายมผู้คัดเลือกดวงวิญญาณเหล่านักรบ
ภาพโดย Mitziasto Wiuff
กล่าวอย่างง่ายที่สุดก็คือ
ทรงมีอำนาจเต็มในการพิพากษาว่าใครควรจะอยู่หรือควรจะตายนั่นเองครับ
ตำแหน่งนางพญาแห่งวัลคีรีส์นี้
ยังทำให้พระนางทรงได้รับสิทธิ์ในการแบ่งดวงวิญญาณเอนแฮร์ยาร์ถึงครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดที่ได้จากการรบแต่ละครั้ง
เพื่อนำไปฝึกฝนการใช้ไสยเวทมนตราเป็นพิเศษ ณ ที่ประทับของพระนางด้วย
มหาเทวีเฟรยาทรงมีปราสาทเป็นของพระนางเอง
คือ เซสสเรียมเนียร์ (Sessrymnir) อยู่ในอาณาจักรที่เรียกกันว่า
โฟล์ควัง (Folkwang) เป็นที่พำนักของวิญญาณของเหล่านักรบ
ซึ่งทรงแบ่งมาครึ่งหนึ่งจากเอนแฮร์ยาร์ทั้งหมดที่ตายอย่างกล้าหาญในสงครามแต่ละครั้งดังกล่าวมาแล้ว
นอกจากนี้ปราสาทดังกล่าวก็ยังเป็นสถานที่ต้อนรับดวงวิญญาณของภรรยาที่ฆ่าตัวตายตามสามี
หรือ Shieldmaiden ที่ตายเคียงบ่าเคียงไหล่กับบุรุษในการสู้รบ
เซสสเรียมเนียร์
จึงเป็นประจักษ์พยานของความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงและชายในสังคมนอร์ส
ในฐานะของความเป็นผู้กล้า ซึ่งยากจะหาได้ในวัฒนธรรมอื่นครับ
และมหาเทวีเฟรยา ก็ทรงปกครองทุกดวงวิญญาณในปราสาทของพระนางอย่างดีที่สุด
จนกล่าวได้ว่า เหล่าวีรชนเมื่อตายแล้วพึงหาความสุขอย่างล้นเหลือได้ในวัลฮัลลา
แต่ที่ซึ่งเป็นความสุขอย่างสมบูรณ์แท้จริงนั้น อยู่ในเซสสเรียมเนียร์
……………………………
หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด
ถ้าจะศึกษารูนส์ต้องชอบสงครามแบบไวกิ้งด้วยมั้ยคะ
ReplyDeleteไม่จำเป็นครับ แต่ที่สำคัญคือ ต้องเป็นคนกล้าหาญ ตรงไปตรงมา ยึดมั่นในสัจจะ นิสัยแบบนักรบละครับพูดง่ายๆ และที่จริงพวกเราก็สามารถมีจิตวิญญาณของนักรบที่พร้อมต่อสู้ในสงครามที่เป็นนามธรรม เช่น การก้าวไปให้ถึงอุดมการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง และการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต โดยไม่ต้องชื่นชอบสงครามที่เป็นรูปธรรมครับ
Deleteกระจ่างอีกครั้งกับเรื่องของวัลคีรี่ส์และวัลฮัลลา
ReplyDeleteขอบคุณครับ ^ ^
Deleteเรื่องสนุกดี ชอบที่สุดก็ตรงภาพประกอบรูปสุดท้ายนี่แหละ :D
ReplyDeleteเห็นแมวละไม่ได้เชียวคนนี้ :D
Delete