Friday, August 3, 2018

สรรพสัตว์ในเทพนิยายไวกิ้ง





ชาวนอร์ส มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสัตว์ มากกว่าที่พวกเราคิดกันครับ

ตั้งแต่สัตว์วิเศษ ไปจนกระทั่งถึงสัตว์เล็กสัตว์น้อยต่างๆ ล้วนแต่มีบทบาทอยู่ในเทพนิยายของพวกเขา แม้แต่ในเหตุการณ์วันสิ้นโลก หรือ รักนาร็อค (Ragnarök)

สัตว์เหล่านี้ บางส่วนมีการนำมาทำเป็นเครื่องราง และวัตถุมงคลด้วยนะครับ ดังที่ผมเขียนไว้ในบทความก่อนหน้านี้

ในบทความนี้ ผมจะประมวลรายชื่อสรรพสัตว์ ที่ผู้ศึกษาเทพนิยายไวกิ้งจะได้พบเห็นบ่อยๆ เรียงตามพยัญชนะแรกของชื่อในภาษาอังกฤษ และภาษานอร์สนะครับ




Audhumla : โอดูมลา แม่วัวแห่งปฐมกาล ที่เกดขึ้นด้วยประกายไฟจาก มูสเพลไฮม์ (Muspelheim) ตกลงใน นีฟเฟลไฮม์ (Nifelheim)

แม่วัวนี้เลียกินก้อนน้ำแข็ง จนกลายเป็น พญายักษ์อีเมียร์ (Ymir) ซึ่งเป็นบรรพชนของเหล่ายักษ์ (Rime) และเหล่าเทพ (Asa)




Bygul & Trjegul : เบกูล และ เทรียกูล แมวตัวผู้ขนาดยักษ์ที่มีขนสีฟ้าหรือเทา มีหน้าที่ลากราชรถของ มหาเทวีเฟรยา

เป็นของขวัญที่พระนางทรงได้รับจาก มหาเทพธอร์




Eikþyrnir : เอ็คเธียร์เนียร์ กวางแห่ง วัลฮัลลา (Valhalla)

เขาทั้งสองของมันมีพลังแห่งความอุดมสมบูรณ์ และเป็นต้นธารของน้ำพุ แวร์เกลเมียร์ (Hvergelmir) ตรงรากของพฤกษาโลก อี๊กก์ดราซีล (Yggdrasil)  ซึ่งทำให้เกิดน้ำพุทั้งปวงใน มิดการ์ด (Midgard)




Fafnir : ฟาฟเนียร์ มังกรเฝ้าขุมทรัพย์ซึ่งถูก ซิกฟรีด (Siegfried บางตำราเรียก Sigurd) วีรบุรุษในตำนานแหวนอาถรรพณ์ นีเบลลุง (Nibellung) สังหาร

เขาอาบเลือดของมันเพื่อให้คงกระพัน แต่เผอิญมีใบไม้ร่วงไปปิดด้านหลัง ทำให้เป็นส่วนของร่างกายที่ไม่ได้รับการชโลมเลือดมังกร และกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เขาถูกฆ่าตายในท้ายที่สุด




Fenir : เฟนเรียร์ พญาสุนัขป่า บุตรของ โลคี กับ ยักษิณีอังเกอร์โบดา (Angrboda)

ในระยะแรก จอมเทพโอดิน ทรงเลี้ยงไว้เพราะชอบสุนัขป่า แต่ภายหลังมันก็เติบโตขึ้นเป็นสุนัขป่ายักษ์ มีความดุร้ายและกำลังอันมหาศาล จนไม่มีสิ่งใดควบคุมมันได้

เหล่าเทพต้องให้คนแคระทำโซ่วิเศษขึ้นมา จับมันไปพันธนาการไว้ในที่ห่างไกลจากโลกทั้งหมด

โดย มหาเทพเทียร์ ต้องทรงสละพระหัตถ์ข้างหนึ่งของพระองค์ให้มันกัดจนขาด เพื่อเบนความสนใจของมันจากเหล่าเทพซึ่งช่วยกันล่ามโซ่มัน

ในมหาสงครามรักนาร็อค เฟนเรียร์สะบัดหลุดจาโซ่ที่ล่ามมัน และเข้าสู่สมรภูมิที่ทุ่งวีกริดด้วยการฆ่า และกินทุกชีวิตที่พบเจอระหว่างทาง

มันต่อสู้กับจอมเทพโอดิน และสังหารพระองค์ ก่อนที่ตัวมันเองจะถูกสังหารโดย เทพวีดาร์ (Vidar) โอรสองค์หนึ่งของจอมเทพโอดิน




Freki & Reki : เฟรกี และ เรกี สุนัขป่าสองตัวที่นอนหมอบอยู่ข้างบัลลังก์ของจอมเทพโอดินในหอวัลฮัลลา เพื่อคอยกินเศษอาหาร

บทบาทเดิมชองสุนัขป่าคู่นี้ มีแค่นี้ครับ 

แต่ในภาพเขียนยุคหลังๆ มักจะเห็นมันติดตามจอมเทพโอดินออกล่าวิญญาณ และแม้กระทั่งเมื่อพระองค์จำแลงกายเป็นจอมเวทย์ ท่องเที่ยวไปในมิดการ์ด

ทั้งนี้เกิดจากลัทธิคลั่งสุนัขป่า ในสังคมเพแกน (Pagan) ของโลกตะวันตก ที่มีความพยายามจะยัดเยียดเข้าไปทั้งในแวดวงของไวกิ้งยุคใหม่ วิคคา และ อินเดียนแดง




Garm : การ์ม สุนัขแห่งนรก บริวารของ เฮล (Hel) นางพญานรก

ในมหาสงครามรักนาร็อค มันติดตามองค์นางพญาผุดขึ้นจากรอยแยกบนแผ่นดิน พร้อมด้วยดวงวิญญาณชั่วร้ายทุกดวง จากนีฟเฟลไฮม์ เพื่อเข้าร่วมกับกองทัพยักษ์ ทำสงครามครั้งสุดท้ายกับเหล่าเทพ และกองกำลังแห่งวัลฮัลลา




Gullinbursti : กูลลินเบอร์สตี หมูป่าแห่งความอุดมสมบูรณ์ ที่มีแผงคอเรืองแสงในที่มืด เป็นพาหนะของ มหาเทพเฟรย์

เมื่อเหล่าคนแคระผู้เป็นบุตรแห่ง อีวัลดี (Ivaldi) สร้างพระเกษาใหม่สำหรับ เทวีซีฟ (Sif) แทนพระเกษาเดิมที่ถูกโลคีกร้อนไป รวมทั้งของวิเศษอื่นๆ ถวายจอมเทพโอดิน และมหาเทพเฟรย์

โลคีเดิมพันหัวของตัวเองกับคนแคระสองพี่น้อง โบรกก์ (Brokk) ว่า ซินดรี (Sindri) พี่ชายของเขา จะไม่สามารถสร้างของวิเศษถวายคณะเทพได้ในระดับเดียวกันนั้น

ทั้งสองพี่น้องจึงสร้างกูลลินเบอร์สตี ขึ้นมาจากหนังหมูที่โยนเข้าเตาไฟ เพื่อถวายแด่มหาเทพเฟรย์ ให้มันช่วยแผ่ขยายพลังแห่งความอุดมสมบูรณ์ของพระองค์




Gullinkambi : กูลลินคัมบี ไก่ที่เกาะอยู่เหนือหอวัลฮัลลา ส่งเสียงร้องดังไปทั่วแดนสวรรค์ เตือนเหล่าเทพในการมาถึงของวันสิ้นโลก

เป็นหนึ่งในไก่ 3 ตัว ที่ขันส่งสัญญาณมหาสงครามรักนาร็อค

อีกสองตัวคือ ฟีอัลลาร์ (Fjalar) ที่เกาะอยู่บน ต้นกัลวีเธอร์ (Gálgviðr) และ ไก่สีแดงแห่งนรก ของนางพญาเฮล




Hilðisvini : ฮิลดีสวีนี เป็นร่างแปลงของ โอททาร์ (Ottar) นักรบหนุ่มชาวมิดการ์ด ซึ่งมีความสัมพันธ์กับมหาเทวีเฟรยา เป็นพญาหมูป่าแห่งการศึก




Huginn &  Muninn : ฮูกินน์ และ มูนินน์ อีกาสีดำสนิท 2 ตัว เป็นบริวารของจอมเทพโอดิน ซึ่งโบยบินไปทั่วโลก นำข่าวสารต่างๆ กลับมาถวายรายงานแด่พระองค์

ทั้งสองชื่อนี้แปลว่า ความรู้ และ ความจำ




Jormungand : โยร์มุนกันด์ บุตรของโลคี กับยักษิณีอังเกอร์โบดา

มีสมญาว่า Serpent of Midgard เล่ากันว่าการบิดตัวของมันแต่ละครั้ง ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและท้องทะเลปั้นป่วนขึ้นในโลก

ในมหาสงครามรักนาร็อค โยร์มุนกันด์บิดตัวอย่างแรงจนเกิดมหาอุทกภัยถล่มชายฝั่งทะเลและเกาะทุกแห่งในโลก และไปสู่ทุ่งวีกริดโดยพ่นพิษทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

มันต่อสู้กับมหาเทพธอร์ และถูกพระองค์สังหารด้วยฆ้อนเมียลเนียร์ แต่ด้วยพิษของมันที่พ่นออกมา ราวกับห่าฝนอยู่ตลอดเวลา องค์มหาเทพทรงพระดำเนินต่อไปได้อีกเพียง 9 ก้าวก็ล้มลงสิ้นพระชนม์




Nydhogg : นี๊ดฮูกก์ พญามังกรซึ่งอาศัยอยู่ปลายสุดของรากพฤกษาโลก คอยกินศพมนุษย์ที่ตาย และบางครั้งก็กัดแทะรากของพฤกษาโลก

ในมหาสงครามรักนาร็อค พญามังกรนี๊ดฮูกก์ กัดรากแก้วของพฤกษาโลก จนสั่นสะเทือนถึงยอด ก่อนจะโผบินสู่โลกเบื้องบน โดยยังมีเศษรากแก้วของพฤกษาโลกคาปาก

ซากศพมนุษย์ที่มันเก็บไว้ใต้ปีกสำหรับเคี้ยวเล่น ร่วงหล่นเป็นสายๆ ลงสู่พื้นโลก อย่างน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก




Ratatosk : ราทาโทสค์ กระรอกแดงที่วิ่งขึ้นลงระหว่างยอดของพฤกษาโลก ที่นกอินทรีเกาะยู่ กับที่พำนักของ พญามังกรนี๊ดฮูกก์

เพื่อคอยรายงานให้นกอินทรีรู้ถึงความเคลื่อนไหวของพญามังกร และขัดขวางมิให้พญามังกรกัดแทะรากของพฤกษาโลก




Skall & Hati : สกอลล์ และ ฮาตี สุนัขป่าซึ่ง ยักษิณีอังเกอร์โบดา เลี้ยงไว้ และดำรงชีวิตจากการกินซากศพมนุษย์ที่ล้มตายลงทุกวัน อีกทั้งกลืนกินราชรถสุริยันและราชรถจันทรา ทำให้เกิดสุริยคราส จันทรคราส

มันทั้งสองเติบใหญ่ขึ้นในวันแห่งมหาสงครามรักนาร็อค และอ้าปากมโหฬารกลืนกินราชรถสุริยันและราชรถจันทรา เป็นผลให้ทั้งโลกตกอยู่ในความมืดมิดอย่างแท้จริง ไม่มีแม้แต่แสงดาวอีกต่อไป




Sleipnir : สไลพ์เนียร์ เทพอาชา 8 ขา พาหนะของจอมเทพโอดิน สำหรับควบไปเหนือสมรภูมิในมิดการ์ด เพื่อทรงเลือกวีรบุรุษที่จะนำไปจัดตั้งเป็นกองทัพสู้กับเหล่ายักษ์ในวันสิ้นโลก

การที่สไลพ์เนียร์มี 8 ขา สันนิษฐานกันไว้สองอย่างครับ อย่างแรกคือเกิดจากเวลาเรามองม้าที่กำลังควบเร็วๆ เราจะเห็นว่ามันมีหลายขา

อีกอย่างหนึ่ง อาจจะเกิดจากแนวความคิดที่ว่า ถ้าเพิ่มขาเข้าไปอีกชุดหนึ่ง ก็จะทำให้เป็นม้าวิเศษที่วิ่งได้เร็วขึ้น




Svadilfari : สวาดิลฟารี ม้าที่มีพลังพิเศษ ซึ่งยักษ์ตนหนึ่งนำมาอาสาช่วยซ่อมกำแพงอัสการ์ดให้เสร็จใน 3 ปี โดยขอพระอาทิตย์ พระจันทณ และ มหาเทวีเฟรยา เป็นสิ่งตอบแทน

โลคียุให้จอมเทพโอดิน และคณะเทพยอมรับเงื่อนไขนี้ เพราะไม่คิดว่ายักษ์ดังกล่าวจะทำได้

เมื่อปรากฏว่า ม้าสวาดิลฟารีช่วยลากหินจากเทือกเขาแห่งมิดการ์ด ได้อย่างรวดเร็วและมากมายเหลือคณานับ ภายในเวลาสั้นๆ

และเจ้าของของมัน ก็ทำแค่สกัดหินเหล่านั้นให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม ให้มันลากขึ้นไปก่อกำแพงด้วยความสม่ำเสมอ ทุกชั่วโมงและทุกวันโดยปราศจากความเหน็ดเหนื่อย หรือการหยุดพัก

จนการบูรณะกำแพงแห่งอัสการ์ด ทำท่าว่าจะเสร็จทันเวลา

โลคีจึงต้องแก้ไขสถานการณ์ ด้วยการแปลงร่างเป็นม้าตัวเมีย ยั่วให้สวาดิลฟารีทิ้งงานกลางคัน และไล่ตามไป จนทำให้ เทพอาชาสไลพ์เนียร์ ถือกำเนิดขึ้น




Tanngrisnir & Tanngnjóstr : ทันน์กริสเนียร์ และ ทันน์กโยสท์ร์ แพะที่ลากราชรถของมหาเทพธอร์

ในการเดินทางไปยังปราสาทของ พญายักษ์ฮาโลคี (Haloki)  มหาเทพธอร์ทรงแวะพักที่บ้านชาวนายากจนหลังหนึ่ง

เมื่อพวกเขาไม่มีอาหารจะถวาย พระองค์ก็ฆ่าแพะทั้งสองตัวนี้ให้พวกเขาทำอาหารเย็น โดยถลกหนังแยกเอาเฉพาะเนื้อไปต้ม

พร้อมกับกำชับลูกเจ้าของบ้านว่า ทุกคนสามารถกินเนื้อแพะของพระองค์ได้อย่างเต็มที่ แต่อย่าทำให้กระดูกของพวกมันแตกแม้แต่ชิ้นเดียวเป็นอันขาด

วันรุ่งขึ้นพระองค์ก็ทรงรวบรวมกระดูกเหล่านั้น เสกให้แพะทั้งสองคืนชีพขึ้นมาใหม่ แต่เนื่องจากลูกชายเจ้าของบ้าน ถูกโลคียุยงให้แอบกินไขกระดูกไปบางส่วน ทำให้แพะตัวหนึ่งขาเขยกไปชั่วระยะหนึ่ง

ลูกชายเจ้าของบ้านจึงต้องกลายเป็นข้ารับใช้ ร่วมเดินทางไปกับองค์มหาเทพ เพื่อไถ่โทษ ส่วนลูกสาวเจ้าของบ้านต้องคอยดูแลแพะอยู่ที่บ้านชาวนา จนกว่ามันจะหายดี

คนเฒ่าคนแก่ชาวนอร์สโบราณ มักบอกลูกหลานว่า เสียงฟ้าคำรามในฤดูฝน เกิดจากเสียงฝีเท้าของแพะคู่นี้

จะเห็นได้ว่า พวกนอร์สที่ดูเหมือนดุดัน โหดเหี้ยม จริงๆ แล้วก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ ที่หลากรส ทั้งซีเรียส น่ารัก ตลกขบขัน และใสซื่อมากครับ

……………………………


หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด