เหตุปัจจัย
ที่ทำให้ผมมีประสบการณ์ตรง กับองค์เทพของชบชาติต่างๆ อย่างหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นนอร์ส ไอยคุปต์ อินเดีย จีน และไทย
ก็เพราะการทำพิธีเทวาภิเษกแต่ละครั้ง
ผมจะต้องอัญเชิญองค์เทพต่างๆ มาในพิธี
และเป็นธรรมดา
ที่จะได้สัมผัสรู้เห็น “กายทิพย์” หรือ “ทิพยรูป”
ขององค์เทพเหล่านั้น ทุกองค์
เพราะถ้าไม่เห็น
ก็หมายความว่า องค์เทพมิได้เสด็จมาในพิธี เท่านั้นแหละครับ
การเทวาภิเษก หรือ
การประจุมนต์เข้าสู่เทวรูปและเครื่องรางต่างๆ ก็จะไม่สมบูรณ์
ด้วยเหตุที่ว่า
ในทุกๆ สายวิชาที่ผมได้สืบทอดมานั้น ตัวผู้ทำพิธีเองมิได้มีอำนาจ
หรือคุณวิเศษอันใด แค่รู้วิธีที่จะอัญเชิญองค์เทพต่างๆ เท่านั้น
เทวรูปและเครื่องรางที่ผมทำพิธี
จึงศักดิ์สิทธิ์ด้วยบารมีเทพ ไม่ใช่บารมีผม
แต่สำหรับ มหาเทวีเฟรยา
(Freya)
ประสบการณ์ตรงของผมที่ได้รับจากท่าน
เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่ผมจะได้เรียนรู้วิธีเทวาภิเษกเทวปฏิมาของท่านเสียอึก
นั่นคือ
เกิดจากภาพวาดของท่าน ที่ทางสถาบันที่ผมศึกษาเทวศาสตร์อาซาทรู
เขาแขวนอยู่ในห้องพิธีเกี่ยวกับนอร์ส
ภาพนั้นเขียนด้วยสีน้ำมัน
เขาว่าเขียนขึ้นจากนิมิตของปรมาจารย์ทางเทวศาสตร์อาซาทรูท่านหนึ่ง
ฃึ่งพวกผมก็จะใช้รูปนั้นหัดทำสมาธิ
กับท่านโดยตลอดครับ
จนครั้งแรก
ที่ตัวผมเองได้นิมิตของท่าน เห็นทิพยรูปอย่างเกือบจะตรงกับในภาพ
ตอนนั้น
ผมก็ยังไม่รู้อ:ะไรมาก เรื่องที่คาใจอยู่ มีแต่เรื่องของพวก วัลคีรีส์ (Vakyries)
อันเป็นเหล่านางฟ้าสงครามในบังคับบัญชาของท่าน กับเรื่องของ วัลฮัลลา
(Valhalla) ก็เลยถามท่านไปตามนั้น
ท่านให้คำตอบว่า
"วัลเเคียร์ส
(ValKyrs : เป็นการออกเสียงแบบนอร์สโบราณ) คือ ผู้นำพา
และปกป้องวิญญาณผ ที่จะไปวัลฮัลลา
ก่อนที่จะได้รับการคัดเลือก
วีรชนแต่ละคน ได้สังหารปฏิปักษ์มาแล้วมากต่อมาก
เมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายพลีชีพ
วิญญาณที่ตายเพราะถูกเขาฆ่าจะมารบกวน วัลเคียร์สย่อมถืออาวุธ เพื่อปกป้องพวกเขา"
และในกรณีของวัลฮัลลา
"เมื่อยังมีชีวิต
มีปณิธานผูกพันกับเรื่องใด ตายแล้ว
วิญญาณก็จะไปสู่ภพภูมิเดียวกับผู้มีปณิธานเช่นนั้น
วัลฮัลลา
คือภพภูมิของวิญญาณวีรบุรุษทั้งหลาย เหมือนกับภพภูมิของกษัตริย์ นักบวช พ่อค้า
คนดี คนชั่ว
ใครทำสิ่งใดเป็นนิจ
ตายแล้วก็ไปอยู่กับพวกที่ประพฤติเหมือนกัน ในศาสนาของเธอก็เป็นเช่นนี้"
ครับ, นี่คือคำตอบ จากองค์นางพญาแห่งวัลคีรีส์ ที่ผมจำได้ขึ้นใจจนภึงทุกวันนี้
ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับท่าน
ในเวลาต่อมา เมื่อผมบูชาท่านร่วมกับ จอมเทพโอดิน และมหาเทพธอร์ ที่บ้าน
ฃึ่งในหลายๆ โอกาส
ท่านจะชี้แนะผมในเรื่องที่ผมคาใจเป็นพิเศษ ด้วยความตรงไปตรงมา
ไม่ผิดอะไรกับตอนที่ได้พูดคุยกันครั้งแรก ดังที่เล่าไปแล้วนั่นแหละครับ
บางเรื่องที่ดูเหมือนจะธรรมดา
ท่านก็ยังคงแนะนำผม ด้วยความเป็นกันเอง และออกจะร่าเริงมากด้วย
เช่นในพิธีบูชา
ผมซึ่งเป็นคนไม่กินเหล้า (และครูบาอาจารย์ของผมก็บอกว่า นับถือเทพอาซาทรู
ไม่ต้องถวายเหล้าก็ได้) ก็จะถวาย ชามะนาวผสมน้ำผึ้ง
(ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญในการหมัก Mead ในบางสูตร)
ในส่วนนี้
ภรรยาสุดน่ารักของผม ก็จะเป็นคนปรุงถวายครับ
มหาเทวีเฟรยา และมหาเทพธอร์
มักทรงวิจารณ์ ติชม ชามะนาวผสมน้ำผึ้ง ฝีมือภรรยาผม
(ซึ่งไม่เคยชงได้รสเดียวกันสักครั้ง) ว่าอะไรหนักไป เบาไป เข้มไป อ่อนไป
มหาเทวีเฟรยา
ท่านชอบให้รสออกหวานๆ เล็กน้อยครับ แต่โดยส่วนใหญ่ สำหรับท่านแล้ว
ภรรยาของผมชงอย่างไร ท่านก็โปรด
เพราะท่านเป็นเทพนารี
และไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน หรือเป็นแม่ครัว
ดังนั้น
มาตรฐานเรื่องของกินของไหว้ของท่าน จึงยืดหยุ่นได้มากครับ
ส่วน มหาเทวีอธีนา
(Athena/Αθήνα)
นั้น ผมได้รับประสบการณ์อันน่าประทับใจจากท่าน
ฃึ่งแตกต่างจากมหาเทวีเฟรยา อย่างที่เรียกได้ว่า หนังคนละม้วน
ทั้งๆ
ที่มหาเทวีเฟรยา ท่านก็มีภาคดุ ในฐานะที่เป็นนางพญาแห่งวัลคีรีส์นะครับ
และไม่เหมือนกับเทพสายอื่นๆ
ทีผมได้นิมิต หรือสัมผัสสายละหลายๆ องค์ จากการเทวาภิเษกด้วย
เพราะมหาเทวีอธีนา
ทรงเป็นเทพในสายกรีก-โรมัน เพียงองค์เดียวเท่านั้น ที่ผมมีประสบการณ์ตรงครับ
เรื่องของเรื่องก็คือ
ตอนที่ยังศึกษาเทวศาสตร์กรีก-โรมัน
ผมมีโอกาสเรียนวิธีเทวาภิเษกเทวปฏิมาของท่านจริงๆ แค่องค์เดียว
ก่อนที่อาจารย์จะหมดสัญญา และเดินทางกลับกรีซ
ในการหัดเทวาภิเษก
ผมมีเพื่อนร่วมประสบการณ์เป็นชาวแอฟริกัน ฃึ่งศึกษาไสยศาสตร์ท้องถิ่นมาไม่น้อย
(และล้วนเป็นศาสตร์ที่น่ากลัวมาก)
เมื่ออาจารย์ชาวกรีกบอกว่า
มหาเทวีอธีนาเป็นเทพนารีที่เข้มงวด และ fierce เพื่อนแอฟริกันของผมจึงยังคงทำท่าสบายๆ
ไม่กลัวอะไรเลย ขณะที่ผมเครียด
ถึงตอนทำพิธี
ภาพนิมิดภาพแรกของมหาเทวีอธีนาปรากฏอย่างไม่ยากเย็นนัก
ในลักษณะของเทวรูปแบบมาตรฐาน คือถือหอกและโล่
ผมเริ่มสติแตกครับบอกตรงๆ
เพราะกระแสพลังท่านแรงมาก ภาพนิมิตของท่านที่ผมสัมผัสได้ ก็ชัดบ้าง
เบลอบ้างเป็นระยะ ขณะที่เพื่อนผมเห็นชัดโดยตลอด
และในตอนที่ผมต้องว่าคาถาสะกดเมดูซา
(Medusa/Μέδουσα)
บนโล่ของท่าน โดยว่าตามอาจารย์ ผมได้ยินไม่ชัดเลยพูดผิด
เท่านั้นแหละครับ
ท่านกระแทกโล่กับพื้น ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งห้อง
ยังไม่จบแค่นั้นครับ
ถึงตอนอัญเชิญพระแสงหอก ผมว่าคาถาผิดอีก ท่านเลยพุ่งหอกใส่ผม
แบบเฉียดไหล่ไปเส้นยาแดงผ่าแปด ไม่ใช่ท่านพลาดหรอกครับ
แค่จะเตือนให้ผมตั้งใจกว่านั้น
ขณะที่เพื่อนแอฟริกันของผม
ฃึ่งว่าคาถาไม่ผิดเลย กลับโดนหอกพุ่งเข้ากลางอก จนล้มทั้งยืน
ดีนะครับที่เป็นหอกนิมิต
ไม่ใช่หอกจริง
แต่เขาก็ทำพิธีต่อไม่ได้
ต้องขอลากลับบ้าน อาจารย์วินิจฉัยว่าน่าจะเกิดจากเผลอคิดอะไรไม่ดีสักอย่าง
วันหลังเจ้าตัวจึงสารภาพว่า
ตอนนั้นคิดขึ้นมาว่าเสกหอกเป็นแล้วจะเอาไปลองฆ่าศัตรู อาจารย์จึงบอกว่า
มหาเทวีอธีนาเป็นเทพของพวกวีรบุรุษ สิ่งที่เพื่อนผมคิด ไม่ใช่หนทางของวีรบุรุษ
ตกลงวันนั้น
ผมเลยต้องผจญภัยต่อไปคนเดียว ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับ
เพราะตอนเสกเทวีแห่งชัยชนะ
ไนกี (Nike) ผมพลาดอีก คราวนี้
รู้สึเหมือนโดนตบหน้า 1 ฉาด ด้วยพระหัตถ์เรียวงามในนิมิต แต่เจ็บจริง
แต่หลังจากนั้น
อาจารย์ก็ให้ผมกับเพื่อนไปสอบซ่อม จนเทวาภิเษกได้สำเร็จแบบไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้ออีกนะครับ
แล้วตัวท่านเองถึงได้กลับกรีซไปอย่างโล่งอก
ดังนั้น
ถ้าพูดถึงเทวศาสตร์กรีก-โรมัน ผมเลยชัวร์แค่พระแม่เจ้าองค์นี้องค์เดียว
องค์อื่นถึงมีตำรา ผมก็ไม่อยากเอามาลองผิดๆ ถูกๆ
ครับ, นางพญาแห่งสงครามเหมือนกันทั้งสององค์ แต่องค์หนึ่งร่าเริง เป็นกันเอง
ขณะที่อีกองค์ดุมาก ตีสอนแบบแรงๆ พระจริยาวัตรแตกต่างกันลิบลับ
ทั้งหมดที่เล่ามานึ้
ขอย้ำว่า เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคล ไม่ใช่สิ่งที่จะพึงมีพึงเกิดกับทุกคนได้ทั่วไป
อ่านแล้ว
ก็วางใจให้เป็นกลางๆ ไว้อก่อนนะครับ
อย่าเพิ่งรีบเชื่อ
อย่าด่วนปฏิเสธ
……………………………
หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.