Tuesday, June 12, 2018

ยันต์ และ เครื่องรางไวกิ้ง




ในทางมายาศาสตร์ และ เทวศาสตร์สแกนดิเนเวีย การใช้อักขระเลขยันต์ สัญลักษณ์ รหัสวิทยา และเครื่องรางต่างๆ นั้น ก็ไม่น้อยหน้าศาสตร์ต่างๆ ของจีน เขมร และไทยเรา

และในปัจจุบันก็จะยิ่งได้รับความนิยม มีการนำมาใช้กันแพร่หลายมากขึ้น ทั้งที่เป็นการใช้ตามแบบโบราณจริงๆ (Authentic) แบบที่เป็นการประยุกต์จากของโบราณ จนถึงแบบที่มีการคิดค้นขึ้นใหม่

ทั้ง 3 แบบนี้ มีทั้งที่ใช้ได้จริง และแบบที่เห็นผลไม่ชัดเจนเท่าที่ควร

ไม่ใช่ว่า เป็นของโบราณแล้วจะใช้ได้จริงทั้งหมด หรือว่า เป็นของใหม่แล้วใช้ไม่ได้ไปซะทั้งหมด

ผมก็เลยจะขอแนะนำ ยันต์ สัญลักษณ์ และเครื่องรางไวกิ้ง ทั้งเก่าและใหม่ ที่ใช้ได้ผลจริงๆ ไว้ในโพสต์นี้นะครับ

และเพื่อมารยาทที่ดี รวมทั้งความถูกต้องชอบธรรม ในการนำไปเผยแพร่ต่อ ก็โปรดทำตามเงื่อนไขข้างล่างของบทความด้วยนะครับ

ไม่งั้น แทนที่จะเป็นผู้รอบรู้ กลับกลายเป็นขโมย ใครเขาจับได้ จะเสียผู้เสียคนโดยใช่เหตุ

ยันต์และเครื่องรางไวกิ้ง มีทั้งแบบเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าองค์สำคัญ และยันต์เบ็ดเตล็ด ที่มีพลังด้วยตนเอง ดังนั้น จึงสามารถจัดแบ่งเป็นหมวดใหญ่ๆ ได้ดังนี้ครับ


ยันต์และเครื่องรางของจอมเทพโอดิน (Odin)





รูนส์ (Runes)

เป็นศาสตร์ของการพยากรณ์ โดยวิธีเสี่ยงทายจากอักขระศักดิ์สิทธิ์ ที่จอมเทพโอดินทรงบัญญัติขึ้น ซึ่งอักษรแต่ละตัวจะถูกแกะสลักลงบนชิ้นกระดูกสัตว์ แผ่นไม้ หรือแผ่นหินรูปวงรีชิ้นเล็กๆ

อักษรเหล่านี้ต่างมีความหมายในตัวเอง เมื่อเสี่ยงทายได้อักษรใด ผู้พยากรณ์ก็ตีความไปตามนั้น

นอกจากการพยากรณ์ ยังใช้ประกอบเวทมนต์ หรือนำมาทำเป็นยันต์ เพื่อบันดาลให้เกิดผลในด้านต่างๆ ตามคุณสมบัติและพลัง ของอักษรแต่ละตัวด้วย

โดยเฉพาะอักษรที่มีพลังมากที่สุด นิยมใช้กันมากที่สุด คือ S (Sigel) ที่มีอานุภาพในการขจัดสิ่งชั่วร้าย ซึ่งพวกนาซีนำไปใช้ในการทำลายล้างไสยศาสตร์ยิว จนชาวตะวันตกด้วยกันเข้าใจผิดว่า เป็นเครื่องหมายอยาางหนึ่งของนาซี

รองลงมา คือ T (Tyr) ซึ่งมอบพลังในการต่อสู้ ฝ่าฟันความยากลำบาก และชัยชนะในการแข่งขันทั้งปวง เช่นเดียวกับ Algiz ในภาพข้างบน ซึ่งถ่ายทอดการคุ้มครองจากองค์เทพ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์




การผูกยันต์รูนส์ (Bindrunes)

เป็นการนำอักษรรูนส์ 2 ตัวขึ้นไป มาสนธิกัน เพื่อสื่อพลังที่หลากหลายขึ้น และมีอานุภาพสูงกว่าการใช้อักษรรูนส์เดี่ยวๆ

ผู้เชี่ยวชาญอักษรรูนส์ และมีหัวทางศิลปะ ใครๆ ก็ผูกยันต์รูนส์ได้ครับ แต่ผูกแล้วจะใช้ได้ผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

ที่สำคัญเป็นอย่างแรก คือจะต้องมี ความกลมกลืน ของรูปลักษณ์ที่ผูกสำเร็จแล้ว โดย ธาตุ (Element) ของอักษรที่นำมาสนธิกัน จะต้องเข้ากันได้ด้วย

เช่น นึกอยากจะได้ bindrunes ที่มีพลังทั้งในด้านการต่อสู้ ทำลายสิ่งชั่วร้าย กับพลังด้านเสน่ห์ เมตตามหานิยม แบบนี้ธาตุของมันไปด้วยกันไม่ได้นะครับ

เมื่อทำออกมาแล้ว จะใช้เป็นเครื่องรางอะไรไม่ได้ แม้จะสามารถสนธิกันให้เกิดรูปลักษณ์ที่ดูกลมกลืนก็ตาม

Bindrunes ที่เผยแพร่กันอยู่ในเว็บไซต์หรือสื่อต่างๆ จึงมีทั้งแบบที่ประสบความสำเร็จ หรือเป็นได้แค่ลวดลายแปลกๆ เท่านั้น

เราจะต้องเข้าใจเรื่องของรูนส์ให้ดีครับ จึงจะวิเคราะห์ได้ หรือผูกขึ้นเองได้

ข้อสำคัญ ยังมีเงื่อนไขอื่นๆ อีก ที่จะทำให้การใช้อักษรรูนส์ และ bindrunes มีอานุภาพได้จริง ซึ่งผมจะบอกหลังจากแนะนำยันต์และเครื่องรางต่างๆ หมดแล้วในบทความนี้

ผมยังเคยได้รับคำถามบ่อยๆ เกี่ยวกับสัญลักษณ์ของ Bluetooth ซึ่งที่จริงก็คือ bindrunes เช่นกัน

แต่เป็น bindrunes ที่เกิดจากการสนธิอักษร G (Gyfu) กับ B (Beorc) ซึ่งสื่อความหมายของครอบครัว และภรรยาที่ดี

ดังนั้นจึงเป็น bindrunes สำหรับชายหนุ่มที่กำลังแสวงหาในสิ่งเหล่านี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับ Bluethooth เลยครับ แต่ก็เป็นที่จดจำของชาวเน็ตทั่วโลกไปแล้ว




วัลค์นุท (Valknut)

ประกอบด้วยรูปสามเหลี่ยม 3 อันสอดประสานกัน มีความหมายในภาษานอร์สโบราณว่า Knot of the Slain Warriors

และเดิมจึงใช้ในเรื่องที่พวกไวกิ้งยึดถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือ การตายอย่างวีรชน เพื่อจะได้รับการคัดเลือกไป วัลฮัลลา (Valhalla) ดังปรากฏในหลักฐานทางโบราณคดีหลายชิ้นจากยุคไวกิ้ง ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อดังกล่าว

พูดง่ายๆ ว่า การใช้วัลค์นุทในรูปแบบดั้งเดิม คือยันต์และเครื่องรางของบรรดานักรบ เพื่อจะได้ตายอย่างมีเกียรติในสมรภูมินั่นเองครับ ไม่ใช่เครื่องรางที่มีไว้ป้องกันตัว หรือช่วยให้แคล้วคลาดคงกระพันอต่อย่างใด

แต่ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว วัลค์นุทจึงกลายเป็นเครื่องหมายประจำพระองค์ของจอมเทพโอดิน และปัจจุบันถูกมองว่า เป็นยันต์และเครื่องรางที่ทำให้เข้าถึง หรือใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น

แม้จะไม่ใช่ผู้ที่ศึกษาหรือใช้รูนส์ ก็สามารถที่จะสื่อกับพระองค์ได้ด่วยยันต์และเครื่องรางชนิดนี้

ดังนั้น แม้ว่าเดิมจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับความตาย แต่ปัจจุบันก็มีการนำสัญลักษณ์นี้ไปใช้กับกลุ่มการเมือง และธุรกิจต่างๆ ทั้งในยุโรป และสหรัฐอเมริกาอย่างหลากหลาย

ส่วนใครก็ตาม ที่ไม่คาดหวังถึงขนาดที่จะฝากชื่อไว้ในโลกนี้อย่างวีรบุรุษ ก็สามารถใช้สัญลักษณ์นี้ ภายใต้ปณิธานว่า ขออยู่อย่างมีเกียรติ และเมื่อตาย ก็ขอตายอย่างมีเกียรติ




จอมเทพโอดินทรงม้าสไลพ์เนียร์ (Odin & Sleipnir)

เครื่องรางสำหรับแขวนผนัง ประเภทที่ฝรั่งนิยมเรียกว่า Plague ทำด้วยเรซิน เป็นเครื่องรางที่มีการคิดค้นขึ้นมาใหม่ เมื่อไม่เกิน 20 ปีมานี้เองครับ

มีอานุภาพคล้ายกับวัลค์นุท และเหมาะสมมาก สำหรับคนที่บูชาจอมเทพโอดิน และปวารณาตัวที่จะใช้ชีวิตอย่างกล้าหาญ มั่นคง ยึดมั่นในเกียรติและศักดิ์ศรี เป็นคนที่อยู่อย่างมีคุณค่าต่อผู้อื่น ตามอุดมคติของวีรชน

ซื่งเครื่องรางนี้ จะช่วยเสริมบารมีให้ได้กระทำในสิ่งที่สำคัญ มีเกียรติ มีชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณะ

และแบบที่ใช้ได้ผลจริง จะต้องผูกขึ้นจาก iconography และลวดลายตามแบบศิลปะไวกิ้งโบราณ เช่นในภาพข้างบนนี้เท่านั้นนะครับ





ถ้าทำเป็นแบบ realistic หรือทำเป็นประติมากรรมตั้งโต๊ะ แบบนี้ ยังไม่มีรายงานว่าได้ผลชัดเจนอะไร

แม้บางสำนักจะได้พยายามปลุกเสกกันอย่างดีแล้ว ก็ยังคงเป็นได้แค่ศิลปวัตถุสำหรับแต่งบ้าน ไม่ปรากฏว่ามีพลังอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เห็นได้ชัดครับ




ฮูกินน์ และ มูนินน์ (Huginn & Muninn)

อีกาสีดำสนิท 2 ตัว ซึ่งชื่อของพวกมันแปลว่า ความรู้ และ ความจำ

ตามตำนานว่าเป็นบริวารของจอมเทพโอดิน ซึ่งโบยบินไปทั่วโลก นำข่าวสารต่างๆ กลับไปถวายรายงานแด่พระองค์

การพกพาเครื่องราง หรือแม้แต้มีประติมากรรมตั้งโต๊ะของฮูกินน์และมูนินน์ จะดีเป็นพิเศษกับผู้บูชาจอมเทพโอดินครับ เพราะมันจะทำให้เข้าถึง หรือใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น

เนื่องจากมันเป็นสัตว์บริวารที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว ว่าจะปรากฏให้เห็นพร้อมกับองค์จอมเทพโอดินจริงๆ ในขณะที่สุนัขป่าอีก 2 ตัว (ที่สาวกยุคใหม่ขององค์จอมเทพกำลังบ้าคลั่งกันอยู่นั้น) ไม่เคยมีใครได้เห็น

นอกจากนั้น ยังจะช่วยทำให้เกิดความรอบรู้ และความจำที่ดี ช่วยให้เกิดญาณหยั่งรู้ในเรื่องลี้ลับ ภูตผี และความตาย มีผลในการบำรุง และฟื้นฟูปราณของสมอง และระบบประสาทได้ดีเป็นพิเศษ

ทั้งยังสามารถคุ้มครองจากภูตผี คุณไสย อาถรรพณ์ และสัตว์ร้ายต่างๆ ได้ในระดับหนึ่ง

แต่ก็มีผลข้างเคียง คือ มันจะส่งกระแสที่ทำให้ผู้ครอบครองดูเป็นคนลึกลับ เข้าถึงได้ยากในสายตาคนทั่วไป ซึงก็ตรงกับบุคลิกภาพของจอมเทพโอดิน ในภาคของผู้วิเศษนั่นแหละครับ

ปัจจุบันมีการนำมาทำเป็นจี้ห้อยคอ และประติมากรรมเรซินสำหรับตั้งโต๊ะ หาไม่ยากนัก

ส่วนประติมากรรมในภาพข้างบน เป็นผลงานการออกแบบของ Aric Jorn และเหมาะที่จะใช้แขวนผนัง ถ้าย่อลงเป็นเครื่งรางพกติดตัวได้ก็จะดีเยี่ยม




จอมเทพโอดินกับพระเทวีฟริกกา (Odin & Frigga)

เป็นงานศิลปวัตถุที่คิดค้นขึ้นใหม่ในยุคปัจจุบัน โดยมีพื้นฐานอยู่บน iconography และลวดลายตามแบบของศิลปะไวกิ้งโบราณ รวมทั้งการใช้อักษรรูนส์อย่างถูกต้อง ทำให้ประติมากรรมเช่นนี้สามารถส่งกระแสที่ดีได้

กล่าวคือ ตามตำนานแล้ว จอมเทพโอดินมักจะทรงท่องเที่ยวไปในภพภูมิต่างๆ ไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้านหรอกครับ

แต่พระเทวีฟริกกา ก็ทรงเป็นชายาที่ดีเยี่ยม พระนางไม่ทรงมีปัญหาใดๆ กับเรื่องดังกล่าว แม้แต่การที่จอมเทพทรงจำเป็นต้องมีชายาเพิ่ม เพื่อให้บังเกิดเทพใหม่ๆ ขึ้นเป็นกำลังของสวรรค์ พระนางก็ไม่ทรงหึงหวง

พระนางประทานการดูแลเทพเจ้าเทพธิดาทั้งปวงอย่างดีที่สุด ทรงทำให้ มหาปราสาทกลัดส์ไฮม์ (Gladsheim) เป็นสถานที่แห่งความสุข ที่พระสวามีพึงได้รับทุกครั่งที่เสด็จกลับมา

จอมเทพจึงทรงรัก และยกย่องพระนางมาก ทุกครั้งที่ประทับด้วยกัน ทั้งสองพระองค์จะมีแต่ความสุขอย่างแท้จริง

นี่แหละครับ พลังที่จะได้จากประติมากรรมนี้ ความสุข ความปรองดอง และดุลยภาพของสามีภรรยา โดยเฉพาะในครอบตรัวที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดชอบกิจการงานที่สำคัญ จนไม่มีเวลาให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง รูปภาพเช่นนี้จะทำให้เกิดความเข้าอกเข้าใจกัน และขจัดความเห็นแก่ตัว รวมทั้งความคิดในแง่ลบออกไป


ยันต์และเครื่องรางของมหาเทพเฟรย์ (Frey)





ดาบประกายแสง (Frey's Magic Sword)

ปกตินักรบไวกิ้งจะตั้งชื่อดาบของตน แต่ดาบวิเศษเล่มนี้กลับไม่มีชื่อ ทั้งๆ ที่เป็นเทพอาวุธคู่พระหัตถ์ของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง และความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งในตำนานว่ามีพลานุภาพมาก สามารถสังหารศัตรูได้หลายๆ คนด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว และยังเปล่งแสงทำลายความมืดมิดได้อีกด้วย

จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งพลัง ความกล้าหาญ ขจัดความหวาดกลัว ช่วยให้แคล้วคลาด ป้องกันอันตราย อุบัติเหตุ และอุบัติภัยต่างๆ

รวมทั้งกำจัดทำลายศัตรู คุณไสยมนต์ดำ และคำสาป ตลอดจนอำนาจใดๆ ก็ตามที่มุ่งร้ายต่อเราด้วยนะครับ

ส่วนพลังแห่งความอุดมสมบูรณ์ ที่จะได้จากเครื่องรางนี้ มักจะเป็นเรื่องของสุขภาพที่ดี แข็งแรง และมักเหนี่ยวนำสิ่งที่มีค่า มีราคาสูงมาให้

เดิมมีตัวอย่างจากยุคไวกิ้งเพียงไม่กี่ชิ้น ที่เห็นในภาพข้างบนนี้เป็นการออกแบบขึ้นใหม่ โดยวางดาบที่จารึกอักษรรูนส์ทั้ง 24 ตัว (Futhark) บนโล่ที่มีเครื่องหมายของวัฏจักร ซึ่งสอดคล้องกับเทวานุภาพขององค์มหาเทพเฟรย์




กูลลินเบอร์สตี (Gullinbursti)

หมูป่าแห่งความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งมีศาสตร์ในการทำคล้ายๆ กับเครื่องรางพญาหมูเรียกทรัพย์ของไทยเราเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการที่ต้องไปแสวงหามวลสาร คือ วัตถุดิบตามที่มีตำรากำหนดไว้ มาปั้นเป็นรูปหมูป่าในฤกษ์ที่ถูกต้อง และมีพิธีกรรมในการปลุกเสก ซึ่งยังมีการสืบทอดกันมาจนทุกวันนี้

ปัญหาก็คือ เมื่อเงื่อนไขในการจัดสร้างเป็นอย่างนี้ เราจึงไม่มีโอกาสเห็นเครื่องรางขนาดตั้งโต๊ะของกูลลินเบอร์สตี ในเว็บไซต์ต่างๆ เลย เพราะทำกันแต่ละครั้งแค่ไม่กี่ตัว แบบรู้กันเฉพาะวงใน และมีผู้สั่งจองไว้แล้วเท่านั้น

ส่วนแบบที่หล่อด้วยโลหะ ผมเคยเห็นหลายปีมาแล้วครับ ถ้าไปเดินเที่ยวหาตามตลาดค้าของเก่าของโบราณ หรือแหล่งศิลปวัตถุในนอร์เวย์หรือสวีเดน อาจจะหาได้ แต่ในอินเตอร์เน็ต ผมไม่เห็น

ถ้าแบบที่ทำเป็นจี้ห้อยคอ ก็มีอยู่ไม่กี่แบบครับ ในภาพที่เห็นนี้ ถือว่า design ได้ดีที่สุดแล้ว

นอกจากศาสตร์ในการทำที่คล้ายกับพญาหมูของไทย อานุภาพของกูลลินเบอร์สตี ก็คล้ายหญาหมูของไทยด้วย

คือทำให้เกิดโชคลาภ ความอยู่ดีกินดี ความมั่งมีศรีสุข เพิ่มพลังกาย และสุขภาพที่ดี รวมทั้งสามารถป้องกันพืชผล และปศุสัตว์ จากโรคภัยต่างๆ ช่วยเพิ่มผลผลิตในทางกสิกรรม

นักไสยเวทฝรั่งยังสามารถใช้มันในการค้นหาแหล่งน้ำ แหล่งที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์สำหรับปลูกพืช ทำนา เลี้ยงสัตว์

จึงนับว่าดีมากสำหรับผู้ประกอบอาชีพดังกล่าวในสมัยโบราณ ปัจจุบันก็มีคนบอกว่า ช่วยในเรื่องธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ รวมทั้งการบริหารจัดการสินทรัพย์


ยันต์และเครื่องรางของมหาเทวีเฟรยา (Freya)





จี้ของมหาเทวีเฟรยา (Freya Pendant)

ที่เห็นนี้ เป็นของที่ design ขึ้นมาในปัจจุบัน มิได้มาจากเครื่องรางโบราณใดๆ

แต่คนออกแบบ เขาแตกฉานทั้งในด้านเทวศาสตร์ และประยุกต์ศิลป์ สามารถบรรจุสัญลักษณ์สำคัญต่างๆ ของมหาเทวีเฟรยา และลวดลายตามแบบศิลปะไวกิ้งไว้ในเหรียญเดียวกันได้อย่างลงตัว

ถ้าไม่เสกก็ไม่มีพลังอะไร เพราะเป็นของใหม่ แต่เสกได้ครับ และไม่สามารถจะเสกเป็นเทพนารีองค์อื่นได้ด้วย นอกจากมหาเทวีเฟรยา

ซึ่งถ้าหากผ่านการปลุกเสกอย่างถูกต้อง จะส่งผลในด้านของ aura ดูมีเสน่ห์ มีพลังเมตตามหานิยม ที่เกื้อหนุนในด้านที่ผู้บูชาขาดแคลน แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีครอบครัวแล้ว

และก็จะดีมากในด้านการใช้เวทมนตร์ หรือการเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ ในด้านนี้ ใช้ได้ทุกเพศครับ

สามารถป้องกัน และบำบัดโรคภัยไข้เจ็บเฉพาะสตรีได้ด้วย




ส่วนจี้แบบในภาพนี้ เป็นผลงานการออกแบบของ Paul Borda ที่สั่งสมชื่อเสียง และฝีไม้ลายมือในการออกแบบเทวรูป ประติมากรรม และศิลปวัตถุของนอร์ส ตลอดจนลัทธิศาสนาต่างๆ ในวงการมาอย่างยาวนาน เพราะฉะนั้น โดยรูปลักษณ์จึงไม่มีปัญหา ในการที่จะใช้เป็นเครื่องรางขององค์เทวีเฟรยา 

แต่อัญมณีหรือรัตนชาติ ที่นำมาใช้ร่วมด้้วยนั้น ถ้าไม่ใช่ชนิดที่มีตำรากำหนดให้ใช้กับเทพนารีองค์นี้แล้ว ก็จะทำให้เสกยากขึ้น




ฮิลดีสวีนี (Hilðisvini)

ตำนานว่า เป็นร่างแปลงของ โอททาร์ (Ottar) นักรบหนุ่มชาว มิดการ์ด (Midgard) ซึ่งมีความสัมพันธ์กับพระนาง

ฮิลดีสวีนีไม่ใช่หมูป่าแห่งความอุดมสมบูรณ์ เหมือนกูลลินเบอร์สตีของมหาเทพเฟรย์ แต่เป็นหมูป่าแห่งการศึกโดยเฉพาะครับ

พวกไวกิ้งเชื่อวา ฮิลดีสวีนีนำมาซึ่งความแข็งแกร่ง พละกำลัง ความปราดเปรียว และรวดเร็วของพญาหมูป่า ในการบุกตะลุยเข้าไปในหมู่ข้าศึก และนำชัยชนะมาให้ในสงครามทั่วๆ ไป ไม่ผูกพันกับเรื่องที่เป็นอุดมคติอย่างวัลค์นุท

จึงเป็นเครื่องรางที่นักรบไวกิ้งใช้กันแต่โบราณ ดังปรากฏบนหมวกเหล็ก (Helmet) ของกษัตริย์ไวกิ้งด้วย

แต่ปัจจุบัน ยิ่งหายากกว่ากูลลินเบอร์สตีครับ

คือผมยังไม่เห็นใครนำมาสร้างเป็นจี้ห้อยคอเลย มีแต่เป็นประติมากรรมเรซิน มหาเทวีเฟรยากับฮิลดีสวีนี ตามภาพ ซึ่งก็เริ่มหายากแล้วละครับในเวลานี้


ยันต์และเครื่องรางของมหาเทพธอร์ (Thor)





ฆ้อนเมียลเนียร์ (Mjönir)

เป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องคุ้มครองจากเทพเจ้า เชื่อกันว่าจะนำพลังและความแข็งแกร่งมาให้

นับเป็นเครื่องรางไวกิ้งแบบโบราณแท้ๆ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้ โดยเฉพาะแบบที่เป็นจี้ห้อยคอนั้น มีการ design อย่างหลากหลายที่สุด และถ้าไม่มีการปะปนสัญลักษณ์และยันต์ของศาสตร์อื่นเข้าไป ก็สามารถใช้ได้โดยส่วนใหญ่ครับ

พลานุภาพของเมียลเนียร์ ก็จะเป็นไปตามลักษณะลวดลายที่อยู่บนตัวฆ้อน ถ้าลวดลายมีลักษณะดิบเถื่อน หนาหนัก หรือน่ากลัว ก็จะดีเป็นพิเศษในการคุ้มครองผู้ใช้ และขับไล่คนที่มีจิตใจวิปริต ก้าวร้าว และเลวทราม

ลวดลายที่ประณีต อ่อนเบา สวยงาม ก็จะเด่นในการปกป้องคุ้มครองดวงชะตา มิให้ตกต่ำ ช่วยปรับสภาพจิตใจและอารมณ์ให้แข็งแกร่ง ลดการซึมเศร้า และส่งผลดีเป็นพิเศษกับสัมพันธภาพในครอบครัว




เรียกว่า นอกจากเป็นเครื่องรางที่ปกป้องคุ้มครองโดยทั่วไปแล้ว ก็เหมาะอย่างยิ่งครับ สำหรับคู่รักที่ตั้งใจว่าจะรักกันจริง ดังที่องค์มหาเทพธอร์ทรงเป็นแบบอย่างของความรักที่มั่นคงต่อครอบครัว และในยุคไวกิ้งที่ใช้เครื่องรางเมียลเนียร์ขนาดใหญ่ ในพิธีแต่งงาน

ความนิยมในเครื่องรางนี้ ทำให้นอกจากทำเป็นจี้ห้อยคอแล้ว ยังมีการทำเป็นภาพไม้แกะสลักสำหรับแขวนผนัง เป็นศิลปวัตถุแบบตั้งโต๊ะ จนถึงทำด้วยโลหะขนาดเดียวกับที่ใช้ในพิธีกรรมของชาวไวกิ้งโบราณ เพื่อใช้ในจุดประสงค์เดียวกัน และรวมถึงเพื่อทำลายสิ่งชั่วร้ายด้วย

แต่เมื่อเป็นเครื่องรางที่ผูกพันกับองค์เทพสายฟ้า ดังนั้นก็จะใช้ได้ผลดีเป็นพิเศษ กับผู้ที่บูชา หรือเชื่อมั่นในพระองค์ครับ




มหาเทพธอร์สังหารโยร์มุนกันด์ (Jormungand)

โยร์มุนกันด์ พญางูผู้เป็นใหญ่ในบรรดาอสรพิษทั้งปวง ในตำนานเป็นบุตรของ โลคี (Loki) ที่เกิดจากการลอบสมสู่กับ ยักษิณีอังเกอร์โบดา (Angrboda) และจอมเทพโอดินทรงขว้างลงไปในมหาสมุทรแห่งมิดการ์ด

มันขดตัวล้อมแผ่นดินโลกไว้ และเมื่อบิดตัวแต่ละครั้ง ก็จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว ท้องทะเลปั่นป่วน

ภาพเขียนของมหาเทพธอร์ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายที่สุด ก็เป็นภาพพระองค์ที่กำลังต่อู้กับโยร์มุนกันด์นี่แหละครับ

และเมื่อนำมาสร้างเป็นประติมากรรม ก็เหมาะอย่างยิ่ง ที่จะเทวาภิเษกเพื่อเป็นวัตถุมงคล สำหรับทำลายคุณไสย อาถรรพณ์ และสิ่งอัปมงคลต่างๆ

ซึ่งไม่แต่เฉพาะคุณไสยฝรั่งเท่านั้นนะครับ แม้แต่คุณไสยไทย แขก จีน ลาว เขมร พม่า มอญ ชวา มลายู ก็ขจัดทำลายได้หมด

โดยเฉพาะคุณไสยประเภทใช้พญานาค และ งู เป็นสื่อ ซึ่งเป็นพื้นฐานของคุณไสยส่วนใหญ่ที่ผมยกตัวอย่างมานี้ละครับ

ไสยศาสตร์ฝรั่ง ประเภทเอาไว้ทำร้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นสายซาตาน แม่มด หรือสาย dark ไหนๆ เจอเทวประติมากรรมแบบนี้ก็เสร็จทุกราย

และเมื่อโยร์มุนกันด์เป็นใหญ่ในอสรพิษทั้งปวง เครื่องรางทุกชนิดที่ทำเป็นรูปมหาเทพธอร์เอาฆ้อนทุบโยร์มุนกันด์ ก็จะมีอานุภาพป้องกันเราจากงูพิษต่างๆ รวมทั้งขับไล่ไม่ให้พวกมันเข้ามาในบ้านได้ด้วย


ยันต์และสัญลักษณ์ที่ใช้กันในมายาศาสตร์ไวกิ้ง





เอจิสชัลเมอร์ (Aegishjalmur)

เป็นสัญลักษณ์แห่งพระอาทิตย์ และแสงสว่าง ที่ขจัดอาถรรพณ์ ความมืด สิ่งชั่วร้าย และคุณไสยมนต์ดำ ตลอดจนภูตผีปีศาจต่างๆ ช่วยให้เกิดความกระจ่างแจ้ง เปิดเผยความจริง นำมาซึ่งความอบอุ่น ปลอดภัย  เช่นเดียวกับ ดาบประกายแสง ของมหาเทพเฟรย์

แต่เครื่องรางที่มีสัญลักษณ์นี้ ก็มีเงื่อนไขอยู่ว่า ถ้าจะใช้ให้ได้ผล เราต้องเป็นฝ่ายถูกเท่านั้นนะครับ

ถ้าเราเป็นฝ่ายผิด ให้ร้ายผู้อื่นก่อน หรือเราเกลียดใครแล้วก็คิดว่า จะใช้เพื่อการกำจัดศัตรู หรือคนที่เราเกลียด ก็จะไม่มีผลอะไรนะครับ




ไม่ว่าเราจะจงเกลียดจงชัง อาฆาตพยาบาทแค่ไหน เอจิสชัลเมอร์ก็จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อผู้ที่เราคิดว่าเป็นศัตรูนั้นเลย พลังของเอจิสชัลเมอร์ จะปกป้องคนที่ดีอย่างแท้จริง และทำร้ายคนที่ชั่วอย่างแท้จริงเท่านั้น

ในแง่ปรัชญา มีผู้กล่าวว่าสัญลักษณ์นี้ยังช่วยกำจัดความมืดมน และจิตใจที่วิปริตได้ด้วย

แต่ก็ว่ากันว่า คนที่ไม่มีความต้องการที่จะขัดเกลากิเลสของตนอย่างแท้จริง ก็จะทนใช้สัญลักษณ์นี้ไปได้ไม่นานเท่าใดนักหรอกครับ

เพราะประกายแสงของดวงอาทิตย์ มักเจิดจ้าเกินไปสำหรับผู้ชอบอยู่ในที่มืดเสมอ




เวกวีเซียร์ (Vegvisir)

ถ้าดูผิวเผิน จะคล้ายกับเอจิสชัลเมอร์ แต่ถ้าสังเกตให้ดี จะมีส่วนประกอบที่ซับซ้อนกว่าครับ

เป็นเครื่องรางสำหรับนักเดินทางทั้งทางบก และทางน้ำ โดยเฉพาะนักรบไวกิ้งที่เดินเรือออกสู่ทะเลลึก เรียกกันว่า ยันต์เข็มทิศ (Compass)

การพกพาเครื่องรางที่มีรูปยันต์ดังกล่าวนี้ จะช่วยให้การเดินทางเป็นไปโดยสวัสดิภาพ

ถ้าเป็นการเดินทางทางบก ก็จะช่วยให้ไม่หลงทาง รวมทั้งสามารถคุ้มครองให้ผ่านพ้นจากสภาพอากาศ และภูมิประเทศอันทารุณโหดร้ายของยุโรปเหนือ

และถ้าเป็นการเดินทางในมหาสมุทร ก็จะช่วยให้ฝ่าฟันพายุ และคลื่นลมยามทะเลคลั่งไปสู่ที่หมายได้





ปัจจุบัน มีการตีความในแง่ปรัชญาว่า เวกวีเซียร์สามารถคุ้มครองการเดินทางทางจิตวิญญาณ รวมทั้งมอบพลังใจ ความอดทน ในการข้ามพ้นอุปสรรคต่างๆ


จึงเป็นสัญลักษณ์ที่เริ่มมีการเผยแพร่กันมากขึ้น แสดงถึงความนิยมที่กำลังขยายตัว ทั้งในกลุ่มที่ชอบเรื่องไวกิ้ง และไสยศาสตร์-เทวศาสตร์ยุโรปโบราณโดยทั่วไป กับอีกพวกคือคนที่ชอบรอยสัก (Tattoo)


เดิมสัญลักษณ์นี้มีรูปแบบเดียว ต่อมามีการเพิ่มลดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ต่างกันหลายแบบ ตามภาพข้างบน เพื่อเน้นการใช้งานเป็นเรื่องๆ ไปครับ



          ทีนี้ก็มาถึงเรื่องที่ควรทราบ และทำความเข้าใจกันละครับ

การใช้ยันต์ และเครื่องรางนอร์สทุกชนิด มีหลักสำคัญคือ จะต้องใช้แบบเผยแจ้ง (Expose)

กล่าวคือ ถ้าเป็นจี้ห้อยคอก็ต้องแขวนไว้นอกเสื้อ จะเอาไว้ในเสื้อแบบวัตถุมงคลไทยไม่ได้นะครับ มันจะไม่สามารถส่งกระแสพลังใดๆ ออกมาได้เลย

เครื่องรางสำหรับตั้งโต๊ะก็เช่นกัน ต้องตั้งไว้ในจุดที่เห็นชัด และไม่รกรุงรัง รวมทั้งไม่ควรตั้งรวมกับเครื่องรางของชนชาติอื่น 

และทั้งหมดที่บรรยายมานี้ จะต้องมีพิธีปลุกเสกที่ถูกต้องด้วยนะครับ จึงจะใช้ได้ผล




พิธีปลุกเสกที่ถูกต้อง หมายความว่า เป็นไปตามหลักของมายาศาสตร์ และ เทวศาสตร์อาซา (Asatru) ซึ่งมีหลายสำนัก ไม่ใช่ว่าผมจะเชียร์อยู่แต่สำนักที่ผมสืบทอดสายวิชามาสำนักเดียว

พิธีกรรมของแต่ละสำนัก อาจแตกต่างกัน แต่เมืองนอกเขามีวิธีเช็คกันได้หมดครับ ว่าใครเสกเป็นหรือไม่เป็น

ไทยเราแย่หน่อย คือ ไม่มีระบบในการตรวจสอบที่เป็นสากล พวกผู้วิเศษจอมปลอม โดยเฉพาะพวกหมอดู เลยเข้ามามั่วเรื่องพวกนี้กันเยอะ โดยเฉพาะพวกเกย์ ตุ๊ด

พวกเกย์ ตุ๊ด กระเทย นี่ ผมจำเป็นต้องพูดตรงๆ ว่า ในทางมายาศาสตร์นอร์ส และเทวศาสตร์อาซาทรูที่เป็นของโบราณจริงๆ หรือ authentic เป็น เพศต้องห้าม ที่ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าพิธี หรือทำการปลุกเสก-เทวาภิเษก ลงอาคมเทวรูป และเครื่องรางใดๆ ทั้งสิ้น


เหตุผลก็คล้ายๆ กับเทวศาสตร์อินเดีย และไทย ตามที่ผมเขียนไว้ใน link นี่แหละครับ http://shreegurudevamantra.blogspot.com/2016/06/blog-post_25.html มันเป็นหลักการ และเหตุผล ที่ตรงกันในเทวศาสตร์และมายาศาสตร์แทบทุกลัทธิศาสนาทั่วโลก เพียงแต่ถ้าเป็นมายาศาสตร์นอร์ส และเทวศาสตร์อาฃาทรู ผู้หญิงจะทำอพไรได้มากกว่าเท่านั้นเอง

ส่วนเกย์ ตุ๊ด กระเทย เมื่อไม่สมบูรณ์ในจุดนี้ มันก็จะทำให้เกิดการ distort หรือบิดเบี้ยว ไม่เกิดผลตามที่โบราณาจารยดไว้ หรือถ้าเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆ คนที่เอาไปใช้ก็อาจได้รับผลในทางที่ไม่พึงปรารถนา แม้แต่คนทำเองก็ซวยไปด้วย ภาษาไทยเรียกว่า "ต้องธรณีสาร" ครับ


โบราณาจารย์ถึงห้ามไว้นักหนา ไม่ใช่ผมตั้งกฎขึ้นมาเองครับ




การเสกเครื่องรางต่างๆ ของไวกิ้ง ก็อย่านึกว่าง่าย แค่เอาหนังสือ อติเทวปกรณ์ มากาง ดูบทที่ว่าด้วยการเสกเทวรูป ตั้งธาตุ ประจุธาตุ ประจุคาถาของเทพที่เกี่ยวข้องกับเครื่องรางนั้น หรือใช้คาถาเสกรูนส์ แล้วจบ

เพราะผมเขียนไว้ให้ทำเองใช้เอง ไม่ใช่ให้เอาไปทำขาย

ถ้าทำขายหรือทำให้คนอื่น มันจะมีอีกหลายขั้นตอน และอีกหลายคาถา ซึ่งให้สิทธิ์ และการคุ้มครองแก่ผู้ทำ และผู้ซึ่งจะได้รับไป แต่ผมไม่ได้เขียนไว้

หรือเช่นเดียวกัน กับพวกตั้งตัวเป็นเกจิแล้วเสกมั่ว เอาวิธีของศาสตร์อื่นเข้าไปปะปน

แบบนั้นใครเอาไปใช้ จะซวยกันถ้วนหน้า เหมือนกับของที่เสกทำโดยพวกเพศต้องห้าม ไม่แตกต่างกัน แม้คนเสกจะเป็นชายจริงหญิงแท้ก็ตาม





เพราะอาถรรพณ์จากการ ผิดครู นี่มันเป็นสากลครับ

ด้วยว่าไสยศาสตร์ เทวศาสตร์ ของชนชาติใดในโลก เขาก็ต้องยึดหลัชองความถูกต้องชอบธรรมทั้งนั้น

และถ้าไม่อยู่ในเงื่อนไขนั้น ก็คือ ผิดครู ซึ่งจะทำให้เกิดอาถรรพณ์เช่นกัน

ปัญหาก็คือ...

1. เทวศาสตร์นอร์ส รวมทั้งศาสตร์ลี้ลับต่างๆ ในโลกตะวันตกเวลานี้ มีองค์ความรู้ในการแก้ไขอาถรรพณ์ที่เกิดจากการผิดครู น้อยกว่าในไสยศาสตร์ไทยเรามาก

2.เครื่องรางที่ผ่านพิธีโดยคนที่ไม่รู้จริงแล้วเสกมั่ว ผลเสียจะบังเกิดกับคนที่รับไปใช้ เร็วกว่าคนเสก


ค่าโง่แพงนะครับ บอกไว้ก่อน



……………………………



หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

2 comments:

  1. "พวกเกย์ ตุ๊ด กระเทย นี่ ผมจำเป็นต้องพูดตรงๆ ว่า...เป็นเพศต้องห้าม ที่ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าพิธี หรือทำการปลุกเสก-เทวาภิเษก ลงอาคมเทวรูป และเครื่องรางใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ"

    ตาสว่างกันซะที บรรดาสาวกตุ๊ดทั้งหลาย

    ReplyDelete
    Replies
    1. พวกนั้นเขาไม่มาอ่านบทความนี้หรอกครับ

      Delete

Note: Only a member of this blog may post a comment.