ไวกิ้งยุคใหม่
ไม่ว่าจะเรียกตัวเองว่า Asatruer, Odinnist หรือ Heathen
ก็ตาม
จริงๆ
ก็ไม่ค่อยแตกต่างจากคนบูชาเทพของไทยเราละครับ
คือบางทีก็เป็นการนับถือตามๆ
กันไป แบบเอาแค่ภาพลักษณ์ ไม่ศึกษา ไม่รู้เรื่องอะไรมาก
ไม่เข้าใจ "ศาสตร์"
และ "ปรัชญา" ของสิ่งที่ตนเองนับถือ
ซึ่งพอแสดงทัศนคติออกมาตามสื่อต่างๆ
คนลัทธิศาสนาอื่น หรือแม้แต่คนที่ใช้รูนส์ ก็จะพากันรู้สึกว่า
ไวกิ้งยุคใหม่เหล่านี้สืบทอดจิตวิญญฯณบรรพชนมาได้แค่เฉพาะความป่าเถื่อน
ไร้สติปัญญา เพ้อเจ้อ และไม่ควรแก่การเข้าใกล้
นักพยากรณ์รูนส์ระดับมืออาชีพหลายคน
ไม่พูดเรื่อง Asatruer, Odinnist หรือ Heathen ก็เพราะเหตุนี้
ยิ่งถ้าเป็นชาวเอเซีย
เขาออกจะเหยียดพยามเลยละครับ
เพราะนักพยากรณ์เอเชียที่ใช้รูนส์
โดยมากศึกษาอย่างจริงจัง และประพฤติตัวดีกว่าฝรั่ง
แม้จะมิได้ถือกำเนิดในรากเหง้า
และเติบโตมากับจิตวิญญาณของชาวนอร์ส แต่พวกเขามีภูมิปัญญาแบบเอเชีย
ที่ทำให้รู้วิธีที่เหมาะที่ควรในการปฏิบัติตัว และแสดงออก
เรามาดูกันนะครับ
ว่าคนจำนวนมากที่อ้างตัวว่าเป็นไวกิ้งยุคใหม่นั้น พวกเขาแสดงออกอย่างผิดเพี้ยน
จนนำตวามเสื่อมเสียมาถึงสิ่งที่พวกเขาอ้างว่านับถือ อย่างไรบ้าง
ไม่รู้แม้กระทั่งวิถึแห่งอาซาทรู
อย่างคนที่ทำภาพนี้แหละครับ
เขาสดุดีคณะเทพเอเซียร์
และวาเนียร์ แล้วขอพรจากคณะเทวีแห่งชะตากรรม (Norns) ให้มีชีวิตที่ยืนยาว
คนไม่รู้
ก็เห็นว่าเป็นภาพที่สวยดีแหละครับ ถ้อยคำก็กินใจในระดับหนึ่ง
ส่วนคนรู้ จะ "ฮา"
และ “สมเพช” มาก
1.ภาพเลียนแบบศิลปะไวกิ้งโบราณ
เป็นรูปจอมเทพโอดิน ทรงเทพอาชาสไสพ์เนียร์ (Sleipnir) ออกล่าวิญญาณวีรบุรุษในสมรภูมิ
มีเครืองหมาย วัลค์นุท
(Valknut)
อันเป็นสัญลักษณ์ของผู้สละชีพอย่างกล้าหาญ
แล้วเอาภาพนี้มาประกอบการขอพร
ให้มีชีวิตยืนยาวเนี่ยนะครับ!?!
2.การใฝ่ฝันที่จะมีชีวิตยืนยาว
ไม่ใช่อุดมคติของชาวนอร์ส
รวมทั้งใครก็ตาม
ที่เรียกตัวเองว่าเป็น Asatruer, Odinnist หรือ Heathen
อย่างแท้จริง
อุดมคตินั้น คือ
การอยู่อย่างมีเกียรติ และตายอย่างมีเกียรติ
อยู่ไปวันๆ
จนแก่ตายไป โดยที่ไม่ทำประโยชน์อะไรไว้แก่โลกต่างหากล่ะครับ
ที่ชาวนอร์สโบราณบอกว่า สมควรตกนรก
ดังนั้น ถ้อยคำในภาพนี้
ไม่ใช่สิ่งที่จะพูดกันในลัทธิศาสนาอาซาทรู
เป็นเพียงความต้องการของมนุษย์ปุถุชนทั่วไป
3.คณะเทวีแห่งชะตากรรม
หรือ นอร์นส์ ไม่ประทานชีวิตยืนยาวแก่ผู้ใดทั้งสิ้น พวกนางคือ สัญลักษณ์แห่งวัฏจักร
นี่จึงเป็นอีกหลักฐานหนึ่ง
ที่สอดคล้องกับการที่ผมมักจะโพสต์ใน Facebook หรือเขียนตักเตือนคนไทยเราบ่อยๆ
ว่า...
ถึงแม้เป็นศาสตร์ของฝรั่ง
ก็อย่าด่วนเชื่อคำพูดของฝรั่งง่ายๆ
นับถือโลคี
(Loki)
โลคี
อสูรผู้ทะเยอทะยาน อยากจะเป็นเทพเจ้า
เป็นผู้มีความสามารถ
และไหวพริบปฏิภาณยอดเยี่ยม
แต่ด้วยนิสัยคิดคดทรยศ
ขี้ขลาด ขี้อิจฉา กะล่อนปลิ้นปล้อน เห็นแก่ตัว ไม่มีคุณธรรม ไม่มีความละอายต่อบาป
ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย จึงถูกเทพยดาทั้งปวงสมเพชและเหยียดหยาม
โลคีมอบความโกรธ
และเกลียดแด่เทพทุกองค์เป็นการตอบแทน เขาสร้างเรื่องเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ
จนในที่สุด
ต้องถูกเหล่าเทพลงทัณฑ์ ทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสตลอดไป จนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก
เป็นแบบอย่างของคนชั่ว
ที่มีให้เห็นในชีวิตของพวกเราครับ
แต่ในปัจจุบัน
โลคีกลับได้รับความนิยมบูชาเป็นอันดับ 4 ในบรรดาพวก Asatruer,
Odinnist และ Heathen ทั้งหมด
เหตุผล...ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ
โลคีเป็นตัวละครที่มีบทบาทโดดเด่นที่สุด
ในเทพนิยายอาซาทรู และกลายเป็น Idol สำหรับคนที่ชอบอะไรแผลงๆ
นอกรีตนอกรอย
ซึ่งคนประเภทนี้
เป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของสังคมอาซาทรูเออร์ ที่พัฒนามาจากพวกแอนตี้ศาสนาคริสต์
และกฎระเบียบของบ้านเมือง
พวกนี้จึงนิยมชมชอบคุณสมบัติของโลคี
ที่มีสติปัญญาว่องไว รวมทั้งเป็นคนเหลี่ยมจัด ทำได้ทุกอย่างที่อยากจะทำ หรือเพียงเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ
ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า
คนที่ชื่นชอบความมีเล่ห์เหลี่ยมในแบบของโลคี ก็ย่อมเป็นคนที่ไม่ชอบศีลธรรม
และความถูกต้องดีงามใดๆ อยู่แล้ว
แล้วคนพวกนี้
ก็เป็นพวกเดียวกับที่ชอบ character ของตัวละครที่ชื่อ Floki
ในซีรี่ส์ Vikings นั่นละครับ
แต่โลคีนั้น
ยิ่งแย่กว่า Floki หลายเท่า
โลคีไม่ดุร้าย
แต่ชั่ว ขี้ขลาด ไร้ศักดิ์ศรี ไม่สนใจทั้งเรื่องเซ็กซ์และความตาย
สนใจแต่เรื่องของความมีหน้ามีตา
และการแก้แค้นเมื่อไม่ได้อะไรอย่างใจ
การที่ลัทธิศาสนาอาซาทรู
ได้กลับมารุ่งเรืองในยุคของพวกเรา ก็เพราะอาซาทรูเออร์ที่แท้จริง บูชาจอมเทพโอดิน
เพื่อบรรลุถึงอุดมการณ์ของวีรชน
ส่วนโลคีนั้น เป็นที่พึ่งของไวงกิ้งยุคใหม่
ที่ล้มเหลวในการดำรงชีวิต และอยู่ไปวันๆ ด้วยความพยาบาท อิจฉาริษยาผู้อื่นครับ
ข่มศาสนาอื่น
ที่ผ่านมา
พฤติกรรมที่ผมเห็นว่า "น่ารังเกียจ" อย่างหนึ่ง ของสื่อตะวันตก
โดยเฉพาะยุโรป ก็คือ
ชอบเอาเรื่องศาสนามาล้อเลียนกัน
เป็นการแสวงหาความบันเทิง
ด้วยการเหยียบย่ำความศรัทธาของผู้อื่น จนเป็นนิสัย
แล้วก็ไม่เห็นว่าจะได้อะไรขึ้นมา นอกจากความร้าวฉาน
และผู้บริสุทธิ์
หรือคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย อาจตกเป็นเหยื่อของการแก้แค้น โดยใช่เหตุ
อย่างกรณีหนังสือพิมพ์ในฝรั่งเศส
ที่เป็นข่าวถูกผู้ก่อการร้ายเข้าไปกราดยิงเมื่อหลายปีก่อนไงครับ นั่นก็เพราะจู่ๆ
ก็ไปเอาศาสดาของศาสนาที่ตนรังเกียจมาล้อเล่น
Dirty Joke ที่สื่อไวกิ้งยุคใหม่ชื่นชอบกันมาก
โพสต์แล้วโพสต์อีกใน Social Media เช่นภาพข้างบนนี้
ก็เหมือนกันครับ โพสต์-แชร์กันมาหลายปีแล้ว
เป็นส่วนหนึ่ง
ของพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ ของ Asatruer, Odinnist และ Heathen
ยุคปัจจุบัน
ที่ไปขุดคุ้ยประวัติศาสตร์
ในการที่ลัทธิศาสนา และองค์ความรู้ประจำชนชาติของตนถูกข่มเหง
และทำลายล้างในอดีตอย่างทารุณ โดยศาสนาคริสต์
แล้วเอามาเป็น concept
ในการเสียดสี-ล้อเลียนในสื่อต่างๆ ซึ่งมักทำกัน 2 รูปแบบ
1.เอาภาพเขียนตอนนักรบไวกิ้งปล้นฆ่านักบวชอังกฤษ
ที่โบสถ์ ลินดีสฟาร์น (Lindisfarne) มาปลุกระดมกันแบบทีเล่นทีจริงว่า
"ฆ่าพวกคริสต์ให้หมด!"
2.เอาเทพเจ้า และวิถีชีวิตแบบไวกิ้งโบราณ
มาเปรียบเทียบกับพระเจ้า และวิถีคริสเตียน ในลักษณะเกทับกัน
ข้อ 2 บางทีก็ตลก และจริง บางส่วนผมเองยังเห็นด้วยนะครับ แต่ส่วนใหญ่จะเฉยๆ
แต่ถ้าข้อ 1 ผมรังเกียจ และไม่เคยอยากจะเผยแพร่ต่อ
ภาพนี้
ก็เอามาเป็นตัวอย่างเท่านั้น
เพราะไม่แค่ศาสนาคริสต์ศาสนาเดียว
ยังลามปามไปถึงศาสนาอื่นที่ไม่เบียดเบียนศาสนาของชาวไวกิ้งโบราณด้วย
นี่แหละครับ
ที่ทำให้แม้แต่คนที่เขานับถือวิถีแห่งอาซาทรูอย่างจริงจัง และมีสติปัญญา
เขาก็ไม่เห็นด้วย กับการระบายความคับแค้น และตอบโต้กันอย่างนี้
เพราะก็อย่างที่บอกละครับ...หากมีอะไรบานปลายขึ้นมา
คนที่รับเคราะห์คือคนบริสุทธิ์ หรือคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ไม่ใช่คนที่เมามันกับการทำภาพแบบนี้หรอก
จอมเทพโอดิน
ท่านก็ไม่ทรง "ให้ราคา" อะไร กับคนที่ทำแบบนี้ครับ
เพราะวิสัยของวีรชน
ตามทรรศนะของชาวนอร์ส คือ นอกจากต้องกล้าหาญ ยึดถือสัจจะ และจริงใจแล้ว
ยังต้องคิดถึงประโยชน์ของผู้อื่น
ไม่ใช่คิดถึงแต่คัวเอง
ทาสหมา
ก่อนที่คนรักหมาคนไหน
จะโวยวายอะไร ผมขอบอกไว้ก่อนนะครับ ว่าคำว่า ทาสหมา คำนี้ ผมเอามาจากชื่อเพจของคนรักหมาใน
Facebook
เป็นคำที่คนรักหมาเรียกตัวเองอย่างเต็มใจนะครับ
ที่จริง ฝรั่ง pagan
ยุคใหม่ ไม่เฉพาะแต่ Asatruer, Odinnist และ Heathen
หรอกครับ ส่วนมากก็ได้กลายเป็น ทาสหมา ไปแล้ว ทั้งหมาบ้าน หมาป่า
เป็นเหมือนโรคระบาด
ที่มีให้เห็นทั่วไปทั้งในสายอียิปต์ อินเดียนแดง แม้แต่สื่อของพวกเม็กซิกัน ที่กำลังฟื้นฟูอารยธรรม
Aztec
ในอเมริกากลาง
แต่ในสังคมนอร์ส
จะปรากฏชัด เพราะหมาป่าเป็นตัวละครที่มีบทบาทในเทพนิยาย
และไงกิ้งยุคใหม่
ก็ต่อยอดจากสิ่งนี้ จนสร้างความพิศวง และกลายเป็นความรังเกียจ
ทั้งจากคนที่รู้เริ่องจิตวิญญาณนอร์สจริงๆ และคนที่ไม่รู้จักนอร์ส
รวมไปถึงคนที่มีสติปัญญามากพอจะรู้วิธีคิดที่ถูก
ที่คนเราควรมีต่อหมา
ตามตำนานเดิม
จอมเทพโอดินนอกจากจะทรงเลี้ยงอีกาไว้สองตัวแล้ว ยังทรงเลี้ยงหมาป่าไว้อีกสองตัว
มีชื่อว่า เฟรกี และ เรกี (Freki & Reki)
พวกมันมีหน้าที่คอยกินอาหาร
ในงานเลี้ยงที่ วัลฮัลลา (Valhalla)
ส่วนองค์จอมเทพ
เวลาเสด็จไปไหน ก็มีแต่อีกาทั้งสองเท่านั้นที่ตามไป
ส่วนหมาป่าทั้งสองตัว
ก็ยังคงอยู่ที่วัลฮัลลา
ยิ่งในการเสด็จออกล่าวิญญาณ
ยิ่งไม่มีทางเลยครับ
แต่เดี๋ยวนี้
หมาป่าเกลื่อนกลาดไปหมด ในแทบทุกงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับจอมเทพโอดิน และใน Social
Media ต่างๆ ที่เป็นชุมชนไวกิ้งยุคใหม่
ชนิดที่ว่า มีช่องทางใส่เข้าไปที่ไหนได้
ก็ยัดเยียดเข้าไป มีการเอามาทำเครื่องรางประดับตัว ประดับบ้าน
สร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆ
ว่า เป็น Asatruer, Odinnist หรือ Heathen ยุคนี้ ต้องมีหมาป่าเป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณ
โดยไม่สำเหนียกกันว่า
ตามไสยศาสตร์นอร์ส ถ้าไม่มีเครื่องบ่งชี้ที่ชัดเจน
รูปภาพหมาป่าทั้งหมดจะสื่อความหมายถึง เฟนเรียร์ (Fenrir)
ผู้สังหารจอมเทพโอดิน และเป็นสัญลักษณ์แห่งโลกาวินาศ
พูดง่ายๆ
คือ เป็นสัญลักษณ์แห่งมหาอัปมงคล
ไม่ใช่สัญลักษณ์แห่งวัฏจักร
ที่ทาสหมาไวกิ้งยุคใหม่พูดให้ดูดีหรอกครับ
และที่จริง ชาวนอร์สโบราณก็ไม่ได้ชอบหมาปาถึงขนาดนั้น
การที่เทววิทยาของจอมเทพโอดิน
ระบุว่าทรงมีบริวารเป็นหมาป่าสองตัว ที่จริงก็เพื่อจะสื่อความหมายว่า
พระองค์ซ่อนความดุร้าย และความน่ากลัวเอาไว้
อีกทั้งยังทรงเป็นเทพที่ลึกลับ
เข้าใจยาก เช่นเดียวกับอุปนิสัยของหมาป่า เท่านั้นแหละครับ
ส่วนหมาป่าอื่นๆ
ในตำนานเทพอาซาทรู ล้วนเป็นภยันตรายแก่โลก
เช่นที่ยกตัวอย่างไปแล้ว
คือ พญาหมาป่าเฟนเรียร์ ที่จะทำลายโลกในวันโลกาวินาศ
หรือ สกอลล์ และ
ฮาตี (Skall & Hati) หมาป่าซึ่งกินซากศพมนุษย์เป็นอาหาร
และไล่กินราชรถสุริยัน-ราชรถจันทรา เป็นเหตุให้เกิดสุริยคราส-จันทรคราส
หมาป่าเป็นสัตว์อัปมงคล
พลังของสัตว์ชนิดนี้ จะทำให้คนที่คลั่งไคล้มัน
เป็นคนที่มีแนวโน้มจะฝักใฝ่ไปในทางชั่ว มากกว่าทางดีครับ
ขี้เมา
ไวกิ้งโบราณ
เมื่อไปแสวงโชค ค้าขายหรือปล้นสดมภ์ ได้เงินทองของมีค่า กลับถึงบ้านก็เลี้ยงฉลอง
เมาหัวราน้ำ
นั่นคือ
วัฒนธรรมของคนที่ถ้าไม่มุ่งมั่นที่จะเป็นวีรบุรุษ ก็มีชีวิตอยู่ไปวันๆ
ไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีอนาคต
แต่ไวกิ้งยุคใหม่
มีจำนวนไม่น้อยที่เข้าสู่วงการนี้ เพื่อจะได้มีข้ออ้างในการเมาหัวราน้ำ
ว่าเป็นการสืบทอดวิถีบรรพชน จะได้ไม่ถูกสังคมตำหนิติเตียน
หรือมองด้วยความเหยียดหยาม
เพราะเรื่องพวกนี้
ไวกิ้งยุคใหม่เขาไม่ว่ากันครับ ถือว่าปู่ย่าตายายก็ทำกันแบบนี้ จะทำกันต่อไป ก็ไม่ใช่เรื่องเสื่อมเสียแต่อย่างใด
แต่ผมมักจะบอกลูกศิษย์
และคนทั่วไปที่บูชาจอมเทพโอดิน หรือ ศึกษารูนส์-ใช้รูนส์ ว่า...
คุณไม่จำเป็นต้องดื่มเหล้าก็ได้นะครับ
ถ้าคุณไม่ชอบ
เพราะไม่มีข้อบังคับ
และไม่จำเป็นต้องปฏิบัติ
ในเทพนิยาย
จอมเทพโอดินโปรดเหล้าน้ำผึ้ง (Mead) แต่พระองค์ไม่เคยดื่มจนเมา
ส่วนในความเป็นจริง
พระองค์ไม่ทรงกำหนดว่า มีใครจำเป็นต้องบูชาพระองค์ ด้วยเหล้าน้ำผึ้ง หรือเหล้าใดๆ
ทั้งนั้น
ใครหาเรื่องเมา
โดยเอาพระองค์มาอ้าง นั่นเป็นแค่ขี้เมาที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย
ไม่ว่ากับเทพเจ้า หรือวิถีแห่งบรรพบุรุษ
ไวกิ้งโบราณ
แม้จะขี้เมา แต่ก็เป็นคนจริง ยึดถือสัจจะ ตรงไปตรงมา เปิดเผย
และพร้อมทำการใหญ่เพื่อสร้างชื่อ
พวกเขาขอใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
ก่อนจะตายอย่างมีเกียรติเยี่ยงวีรชน
ไวกิ้งขี้เมายุคใหม่
มิได้มีอุดมการณ์เช่นนี้หรอกครับ พวกเขาแค่หาเรื่องเมาไปวันๆ เท่านั้น
ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่จะต้องมีใครซักคนต้องแสดงความกล้าหาญ
หรือความเป็นวีรบุรุษ เราจะไม่เห็นคนพวกนี้เลย
แต่ปกติก็ชวนกันเมาออกสื่ออยู่ทุกวัน
ให้คนภายนอกเข้าใจผิดว่า เป็นวิถีแห่งนอร์ส
สังคมไวกิ้งสมัยใหม่
ตอนนี้เป็นกันซะอย่างนี้ อัปมงคลกันส่วนมากละครับ
ถ้าเราจะบูชาอาซาทรู
หรือใช้รูนส์ เรายึดถือตามแบบโบราณ
โดยไม่ต้องไปเกลือกกลั้วกับคนรุ่นใหม่ที่บ้าบอดีกว่า
...........................
หมายเหตุ :
เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย
และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด
แล้วพวกยันต์รูนส์ต่างๆที่ใช้รวมถึงหินรูนนี้มีวิธีทำให้ไหมครับหรือต้องไปเรียน
ReplyDelete