Friday, February 5, 2016

เบวูลฟ์ ตำนานขุนศึกโค่นอสูร





ตามสัญญานะครับ ผมจะทยอยเล่าเรื่องตำนานที่สำคัญของชาวนอร์ส ซึ่งตำนานหนึ่งที่ชาวอาซาทรูเออร์คนไหนไม่รู้ถือว่า out อย่างแรง นั่นคือ (Beowulf) ขุนศึกโค่นอสูร

เบวูล์ฟ เป็นบทกวีมหากาพย์ที่แต่งด้วยภาษาอังกฤษ แต่เล่าเรื่องราวของวีรบุรุษที่เกิดขึ้นในสแกนดิเนเวีย ไม่ปรากฏชื่อของผู้แต่งว่าเป็นใคร แต่จากรูปแบบของบทกวีและเนื้อหา ทำให้คาดได้ว่าเป็นบทลำนำพื้นบ้าน ที่ขับร้องต่อ ๆ กันมาในหมู่ชนพื้นเมือง และน่าจะมีข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์บางส่วนแฝงอยู่ในเนื้อเรื่องด้วย

งานวรรณกรรมภาษาแองโกลแซกซอนชิ้นนี้ คาดว่าแต่งขึ้นในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 8-11 โดยมีต้นฉบับที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน ซึ่งสันนิษฐานว่า เขียนขึ้นในราวปี ค.ศ.1010 มีความยาวทั้งสิ้น 3,183 บรรทัด ซึ่งถือเป็นบทกวีที่มีความยาวมาก ได้รับยกย่องเป็นวรรณกรรมมหากาพย์แห่งอังกฤษ

เนื้อหาในบทกวี เล่าถึงวีรบุรุษชาวกีตส์ (Geats) คนหนึ่งชื่อ เบวูล์ฟ และการสู้รบกับศัตรูทั้งสามของเขา คือ เกรนเดล (Grendel) มารดาของเกรนเดล และมังกร

หลายๆ คนอาจจะงงว่า ทำไมเขียน Beowulf แต่ออกเสียงว่าเบวูล์ฟ จริงๆ แล้วคืออย่างงี้ครับ ชื่อของวีรบุรุษท่านนี้ต้องออกเสียงว่า เบ-เออ-วูล์ฟ แต่สระ eo ถือว่าเป็นสระควบ การออกเสียงจึงมักออกเพียงสองพยางค์ และเน้นน้ำหนักที่คำแรก เป็น "เบวูล์ฟ"




บทกวีเบวูล์ฟ เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของกษัตริย์ ร็อธการ์ (Hroðgar) ผู้สร้างหอเมรัยขนาดใหญ่ชื่อ เฮร็อต (Heorot) สำหรับเป็นสโมสรของพลเมือง ทั้งองค์กษัตริย์ พระชายา และบรรดานักรบต่างพากันเฉลิมฉลองอยู่ในหอเมรัยนั้น จนกระทั่งเกรนเดลผู้ถูกขับจากชุมชนทนไม่ไหว และเข้ามาบุกทำลายหอเมรัย สังหารนักรบของร็อธการ์ระหว่างหลับเสียชีวิตไปมาก แต่เกรนเดลกลับไม่กล้าแตะต้องบัลลังก์แห่งร็อธการ์ ด้วยว่าองค์กษัตริย์นั้นได้รับการพิทักษ์จากเทพเจ้า แต่ถึงกระนั้น ร็อธการ์กับพลเมืองของพระองค์ก็จำต้องละทิ้งเฮร็อตเสีย

และเมื่อไม่มีนักรบเหลืออยู่พอจะต่อกรกับเกรนเดลได้ เมื่อร็อธการ์ได้ยินชื่อเสียงของ เบวูล์ฟ นักรบหนุ่มชาวกีตส์ จึงส่งสาส์นเชิญไปขอความช่วยเหลือจากเขา

เบวูล์ฟกับเพื่อนนักรบของเขาเดินทางออกจาก กีตส์ลันด์ (Geatsland : ปัจจุบันคือ Götaland อยู่ในสวีเดน) แผ่นดินของตนมาถึงเมืองของกษัตริย์ร็อธการ์ พวกเขาค้างคืนในเฮร็อต หลังจากพวกเขาหลับไป เกรนเดลก็เข้ามาโจมตี และสังหารคนของเบวูล์ฟไปคนหนึ่ง

ส่วนเบวูล์ฟนั้นแสร้งหลับอยู่ จึงลุกขึ้นจับแขนของเกรนเดลไว้ ทั้งสองต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงจนหอเมรัยแทบถล่มทลาย เพื่อนนักรบคนอื่นๆ ตกใจลุกขึ้น และเข้าไปช่วยเหลือ แต่ดาบของพวกเขาไม่อาจทำร้ายเกรนเดลได้เลย เพราะมันลงอาคมใส่ดาบของพวกมนุษย์ไว้ ดาบของเบวูล์ฟก็เช่นกันครับ

ในที่สุด เบวูล์ฟจึงใช้พละกำลังของเขาล็อคตัวเกรนเดล แล้วฉีกแขนของมันขาดจนถึงหัวไหล่ ก่อนกระชากจนหลุดออกจากร่าง เกรนเดลหนีกลับไปยังรังของมันได้ แต่ก็ตายในที่สุด




คืนต่อมา มีการเฉลิมฉลองใหญ่ที่เบวูล์ฟสังหารเกรนเดลได้ จากนั้นร็อธการ์กับคนของพระองค์ก็นอนในเฮร็อต แต่แล้ว มารดาของเกรนเดลปรากฏตัวขึ้นและเข้ามาทำลายหอเมรัยอีก นางสังหารนักรบฝีมือดีของร็อธการ์ที่เหลืออยู่ไปทั้งหมด เพื่อแก้แค้นให้เกรนเดล

ร็อธการ์ เบวูล์ฟ และเหล่านักรบ สะกดรอยตามมารดาของเกรนเดลไปจนถึงรังของนางซึ่งอยู่ใต้ทะเลสาบประหลาดแห่งหนึ่ง เบวูล์ฟเตรียมตัวเข้าไปรบกับนาง เขาได้รับดาบวิเศษเล่มหนึ่งจากนักรบคนหนึ่ง ดาบนั้นมีชื่อว่า รุนทิง (Hrunting) หลังจากต่อรองผลประโยชน์ตอบแทน และพินัยกรรมของเบวูล์ฟแล้ว เขาจึงดำน้ำลงไปใต้ทะเลสาบนั้น

เมื่อล่วงล้ำเข้าไป เขาก็ถูกมารดาของเกรนเดลโจมตีทันที แต่นางไม่สามารถทำอันตรายแก่เบวูล์ฟได้ เพราะเขาสวมเกราะอยู่ นางลากตัวเบวูล์ฟลงไปยังถ้ำที่ก้นทะเลสาบ ที่ซึ่งร่างของเกรนเดลและเหล่านักรบที่ปีศาจทั้งสองสังหารไปนอนแน่นิ่งอยู่ แล้วทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างหนัก




ในช่วงแรก มารดาของเกรนเดลเป็นฝ่ายได้เปรียบ เบวูล์ฟพบว่าดาบรุนทิงของเขาไม่สามารถทำอันตรายต่อนางได้เลย เขาจึงหันไปหยิบดาบขนาดใหญ่ในหมู่สรรพาวุธที่สะสมอยู่ในถ้ำ ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดสามารถยกดาบนั้นขึ้นได้มาก่อน และตัดศีรษะนางด้วยดาบเล่มนั้น

เบวูล์ฟสำรวจลึกเข้าไปในถ้ำจนพบร่างของเกรนเดล ก็ตัดเอาศีรษะมันมาด้วย เขาเดินทางกลับออกมาสู่ผิวน้ำอีกครั้ง และเดินทางกลับไปยังเฮร็อต ร็อธการ์พระราชทานของขวัญให้แก่เขามากมาย รวมทั้งดาบ เนกลิง (Nægling) ซึ่งเป็นมรดกประจำตระกูลของพระองค์ นักรบหนุ่มจากกีตส์ลันด์ได้รับทั้งชื่อเสียง และความมั่งคั่งเป็นอันมากจากวีรกรรมครั้งนี้ละครับ

เมื่อเบวูล์ฟเดินทางกลับบ้านได้ไม่นาน เขาก็ได้เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่แห่งกีตส์ลันด์ จนวันหนึ่งเมื่อทรงชราภาพ ทาสคนหนึ่งลอบขโมยถ้วยทองคำออกมาจากรังมังกรที่ไม่ปรากฏชื่อตัวหนึ่ง เมื่อมังกรรู้ตัวว่าถ้วยทองคำถูกขโมยไป ก็ออกตามหาด้วยความโกรธแค้น และเผาทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า




เบวูล์ฟทรงเรียกประชุมเหล่านักรบของพระองค์ ให้ร่วมกันต่อสู้กับมังกร แต่ปรากฏว่ามีเพียงนักรบหนุ่มชื่อ วิกลัฟ (Viglaf) เพียงคนเดียว ที่กล้าออกไปร่วมรบเคียงไหล่กับพระราชาเฒ่า เพราะคนที่เหลือพากันหวาดกลัวกันหมดครับ ก็มนุษย์ธรรมดาที่ไหนจะหาญกล้าต่อสู้กับมังกรที่ออกมาจากถ้ำแล้วล่ะ

แต่กษัตริย์เบวูล์ฟแม้จะเข้าสู่ปัจฉิมวัยแล้ว ก็ยังไม่ทิ้งลายยอดนักรบ พระองค์สามารถสังหารมังกรได้ด้วยความช่วยเหลือของวิกลัฟ แต่พระองค์เองก็ทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสิ้นพระชนม์




หลังจากพิธีถวายพระเพลิงพระศพแล้ว เบวูล์ฟถูกฝังอยู่ในกีตส์ลันด์ เหนือหน้าผาที่มองออกไปสู่ท้องทะเล ซึ่งเหล่านักเดินเรือสามารถมองเห็นสุสานของพระองค์ได้

ส่วนสมบัติของมังกรนั้นเล่ากันว่าถูกฝังไปพร้อมกับพระองค์ด้วย มิได้นำออกแจกจ่ายพลเมือง เพราะมันมีคำสาปอยู่น่ะสิครับ อีกทั้งก็ถือว่าเป็นประเพณีของชาวเยอรมันและสแกนดิเนเวีย ในการฝังทรัพย์สมบัติไปพร้อมกับผู้ตายอยู่แล้ว

ครับ, ตำนานเบวูลฟ์จริงๆ มีเท่านี้ (ผมลอกเนื้อหาหลักๆ มาจาก Wikipedia) ซึ่งถ้าว่ากันตามนี้ เบวูลฟ์ก็เป็นวีรบุรุษที่ไม่มีข้อเสียอะไรครับ จัดว่าเป็นบุคคลในอุดมคติของชาวนอร์สทั้งมวล

แต่เวลานำมาสร้างเป็นหนัง ส่วนใหญ่จะมีการนำเสนอว่าเบวูลฟ์กระทำสิ่งที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ นั่นคือ เขาเผลอใจ (หรือไม่ก็ถูกมนต์สะกด) จนมีสัมพันธ์สวาทกับมารดาของเกรนเดล หรือบางเรื่องก็ไปมีสัมพันธ์สวาทกับแม่มดสาว ซึ่งเป็นภรรยาลับของเกรนเดล ก็อย่างที่เห็นกันในหนังที่เกี่ยวกับเบวูลฟ์ทั้งสองเรื่อง ที่ผมเขียนถึงไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ละครับ





ซึ่งในส่วนนี้ก็มาจากมุขปาฐะ หรือเรื่องเล่าพื้นบ้านเช่นกัน เป็นธรรมดาครับที่ตำนานวีรบุรุษไม่ว่าของชนชาติไหนมักจะมีด้านลบแอบแฝงอยู่ด้วยเสมอ ก็เพราะปากชาวบ้านประเภทแอนตี้ฮีโร่นี่ละครับ ยิ่งถ้าฮีโร่ได้ดิบได้ดีเป็นกษัตริย์ ยิ่งมีด้านมืดให้เล่าขานกันเพียบ



……………………………


หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

Tuesday, February 2, 2016

อาถรรพณ์แห่งแหวนวิเศษ





ผมว่าจะเขียนเรื่องนี้นานแล้วครับ เพราะเป็นตำนานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของชาวนอร์ส และเผ่าเยอรมันนิกทั้งปวง ชื่อตัวละครและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏในเรื่องนี้ก็จะมีการนำมาเล่าขานหรืออ้างอิง ให้พวกเราได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆ พอๆ กับตำนานเบวูล์ฟ (Beowulf) ที่ผมกะว่าจะเล่าต่อไปจากนี้ละครับ

เรื่องมีอยู่ว่า คนแคระผู้หนึ่งชื่อ อันด์วารี (Andvari) อาศัยอยู่ใน นิเฟลเฮม ได้หลอมแหวนวิเศษขึ้นวงหนึ่ง มีชื่อเรียกตามเชื้อสายของอันด์วารีว่า นีเบลลุง (Nibelung) แหวนวงนี้มีอำนาจบันดาลให้เกิดแหวนทองคำที่มีรูปลักษณ์เดียวกันขึ้นมาได้อีก 9 วงทุกๆ คืน

ทีนี้ละครับ เมื่อโลคี ตัวป่วนแห่งอัสการ์ด มาเห็นแหวนวิเศษนี้จึงเกิดความโลภ ใช้กำลังช่วงชิงไปเป็นของตน อันด์วารีจึงสาปให้ทุกคนที่ครอบครองแหวนนี้ต้องประสบกับความหายนะ ซึ่งในที่สุดโลคีเองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ

ด้วยคำสาปที่ติดมากับแหวน เทพอสูรผู้นี้แทนที่จะได้ดิบได้ดีอยู่ในอัสการ์ดเพราะจอมเทพโอดินทรงพอพระทัยในไหวพริบปฏิภาณของเขา ก็กลับกลายเป็นถูกลงทัณฑ์ทรมานไปชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ แต่เพราะเขาเป็นเทพ กว่าจะประสบชะตากรรมจึงล่วงเข้ายุคสุดท้ายของโลก ซึ่งก่อนหน้านั้นแหวนได้ตกไปอยู่ในขุมสมบัติในถ้ำที่ พญามังกรฟาฟเนียร์ (Fafnir) เฝ้าอยู่

ซิกฟรีด (Siegfried) หรือ ซีเกิร์ด (Sigurd) เป็นชายหนุ่มผู้กล้าหาญ รักการผจญภัย และมีพละกำลังมหาศาลมาตั้งแต่เด็ก เขาเดินทางสั่งสมชื่อเสียงไปจนพบถ้ำที่ฟาฟเนียร์เฝ้าอยู่ และเป็นผู้สังหารมัน ตำนานซิกฟรีดสังหารมังกรนี้ ถือเป็นต้นฉบับของตำนานอัศวินกับมังกรทั่วยุโรปในเวลาต่อมาครับ




ซิกฟรีดได้พบขุมสมบัติที่ฟาฟเนียร์เฝ้าอยู่ รวมทั้งแหวนวิเศษด้วย อาถรรพณ์ของมันทำให้เขาไม่สนใจของมีค่าอื่นใด นอกจากหยิบมันมาสวม เขายังได้ทำพิธีอาบเลือดมังกรเพื่อความอยู่ยงคงกระพัน แต่ระหว่างนั้นมีใบไม้ร่วงลงไปปิดตรงหัวไหล่ด้านหลังของเขา ร่างกายส่วนนั้นจึงเป็นที่เดียวที่มิได้ชะโลมด้วยเลือดมังกร และจึงกลายเป็นจุดอ่อนของเขาไปในที่สุด

ในเวลานั้น มีวัลคีรีส์องค์หนึ่ง ชื่อว่า บรินฮิลด์ (Brynhild) เธอละเมิดคำสั่งของจอมเทพโอดินจึงถูกลงโทษให้หลับไหลอยู่ที่ ฮินด์เฟล (Hindfel) หรือหอคอยที่ล้อมรอบด้วยเปลวไฟ จนกว่าจะมีผู้กล้าหาญที่สามารถข้ามเปลวเพลิงดังกล่าวเข้าไปหาเธอ เธอจึงจะตื่นขึ้นอีกครั้งเพื่อแต่งงานกับเขาผู้นั้น และสูญเสียอำนาจของวัลคีรีส์ กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาไปชั่วนิรันดร์

ซิกฟรีดเดินทางผจญภัยมาจนถึงฮินด์เฟล พอเห็นเปลวไฟประหลาดที่ล้อมรอบหอคอยอยู่จึงควบม้าคู่ใจของเขากระโดดข้ามกองไฟเข้าไป แล้วเมื่อขึ้นหอคอยไปก็ได้เจอกับบรินฮิลด์นานหลับอยู่ เขาจุมพิตเธอ ทำให้เธอตื่นขึ้น ทั้งสองหลงรักกันในทันทีครับ





แต่ซิกฟรีดยังต้องการผจญภัยต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง เขาจึงสัญญาว่าจะกลับมารับบรินฮิลด์ไปแต่งงานกัน โดยเอาแหวนนีเบลลุงให้บรินฮิลด์เป็นแหวนหมั้น เพราะไม่รู้ว่าเป็นแหวนที่ต้องคำสาป

ต่อมาซิกฟรีดได้เดินทางเข้าไปในอาณาจักรของกษัตริย์ กวีคี (Gjúki) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ำไรน์ กษัตริย์องค์นี้มเหสีชื่อ กริมฮิลด์ (Grimhild) ซึ่งเป็นแม่มด มีโอรสธิดาหลายองค์ แต่ที่มีบทบาทเด่นที่สุดในเทพนิยายชุดนี้คือ กุนนาร์ (Gunnar) และ กูดรุน (Gudrun)

ซิกฟรีดกับกุนนาร์กลายเป็นเพื่อนรักกัน ขณะที่กูดรุนก็หลงรักซิกฟรีด กริมฮิลด์ผู้เป็นมารดาก็อยากให้ลูกตัวเองสมหวัง จึงวางยาวิเศษที่ทำให้ซิกฟรีดลืมเรื่องของบรินฮิลด์ไป ซิกฟรีดกับกูดรุนเลยได้แต่งงานกันในที่สุดครับ นับเป็นการเริ่มต้นอาถรรพณ์แห่งแหวนนีเบลลุงที่เกิดกับมนุษย์คนแรก และอดีตวัลคีรีส์ที่ครอบครองมัน

และด้วยอาถรรพณ์ดังกล่าว ก็ทำให้กุนนาร์หลงรักบรินฮิลด์ เพียงเพราะแค่ได้ยินเรื่องราวของเธอเท่านั้นละครับ กุนนาร์ทุกข์ทรมานมากจากความลุ่มหลงครั้งนี้ ซิกฟรีดซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าเคยรักบรินฮิลด์จึงรับปากจะช่วยเพื่อนรักให้สมหวัง

ทั้งคู่จึงพากันเดินทางไปยังฮินด์เฟล ก็พบว่าหอคอยนั้นยังคงมีกับเปลวไฟล้อมรอบอยู่ ไม่สามารถจะเข้าไปได้ ซิกฟรีดจะให้เพื่อนยืมม้าของตนข้ามกำแพงไฟไปก็ไม่ได้ เนื่องจากกุนนาร์ไม่ใช่บุรุษที่คู่ควรกับบรินฮิลด์

ซิกฟรีดจึงตัดสินใจใช้ยาอีกขนานหนึ่งของกริมฮิลด์แปลงกายเป็นกุนนาร์ แล้วควบม้าคู่ใจข้ามเปลวเพลิงไปเป็นครั้งที่สอง บรินฮิลด์ผู้น่าสงสารที่รอคอยมานานแสนนาน เมื่อเห็นว่าผู้ที่ข้ามกำแพงไฟมาได้ไม่ใช่ซิกฟรีดก็ผิดหวังอย่างที่สุดครับ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ จึงต้องยินยอมแต่งงานกับกุนนาร์ไปโดยปริยาย

เหตุการณ์ตอนนี้ ตำนานกระแสอื่นเล่าไว้แตกต่างออกไปครับ บางกระแสบอกว่าบรินฮิลด์ได้ออกจากฮินด์เฟลไปก่อนหน้านั้นแล้ว และไปเป็นราชินีที่ไอซ์แลนด์ แบบในหนังเรื่อง Curse of the Ring นั่นละครับ ซึ่งกุนนาร์ก็เป็นหนึ่งในเจ้าชายจากดินแดนต่างๆ ที่หมายปองเธอ เมื่อเธอได้พบซิกฟรีดอีกครั้ง และเห็นว่าเขาจำเธอไม่ได้ เธอจึงประกาศว่าถ้าใครเอาชนะเธอได้ในการประลอง เธอจะแต่งงานกับเขาผู้นั้น ซึ่งซิกฟรีดก็ปลอมตัวเป็นกุนนาร์ไปประลองกับบรินฮิลด์จนได้ชัยชนะครับ




ซึ่งทุกตำนานก็กล่าวว่า กุนนาร์ตัวปลอมได้แลกแหวนกับบรินฮิลด์เป็นสัญญาหมั้น แหวนนีเบลลุงจึงหวนกลับคืนสู่ซิกฟรีดอีกครั้ง

ต่อมา ฤทธิ์ยาที่กริมฮิลด์สะกดซิกฟรีดไว้เสื่อมลง ซิกฟรีดจึงนึกออกว่าเคยรัก และสัญญาอะไรไว้กับบรินฮิลด์ แต่มันก็สายไปแล้วละครับ เพราะบรินฮิลด์ได้แต่งงานกับกุนนาร์ไปเสียแล้ว

ซิกฟรีดจึงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เขาได้แต่เล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้กูดรุนภรรยาของเขาฟัง และมอบแหวนนีเบลลุงให้เธอเก็บรักษาไว้

ส่วนกูดรุน พอรู้ความจริงเช่นนั้นก็เห็นว่าบรินฮิลด์เป็นมารหัวใจ วันหนึ่งจึงเยาะเย้ยบรินฮิลด์ว่า คนที่ฝ่าเปลวไฟไปหาบรินฮิลด์ไม่ใช่กุนนาร์ แต่เป็นซิกฟรีดที่ปลอมตัวเป็นกุนนาร์นั่นเอง และยังเอาแหวนนีเบลลุงมายืนยันคำพูดด้วย

บรินฮิลด์ทั้งเสียใจและโกรธอย่างที่สุด แม้ซิกฟรีดจะอธิบายกับเธอว่าตอนนั้นเขาต้องมนต์ของกริมฮิลด์อยู่ หรือเขาพร้อมที่จะไปจากกูดรุนแล้วแต่งงานใหม่กับเธอ แต่บรินฮิลด์ก็ไม่ยอมรับฟังสิ่งใด ความรักความหวังที่เคยทุ่มเทกลายเป็นความเคียดแค้นอย่างไม่อาจอภัยได้ เธอเตรียมการที่จะแก้แค้นซิกฟรีด โดยแกล้งบอกกุนนาร์ว่าตอนที่ซิกฟรีดแปลงกายเป็นกุนนาร์นั้น เธอได้สูญเสียพรหมจารีย์ให้กับเขาแล้ว

กุนนาร์โกรธมาก ลืมความเป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบานทุกอย่าง เขาให้น้องชายคนเล็ก กุททอร์ม (Guttorm) ไปลอบสังหารซิกฟรีด กุททอร์มใช้ดาบแทงซิกฟรีดตอนหลับ ซิกฟรีดซึ่งยังไม่ตายในทันทีลุกขึ้นมาสังหารกุททอร์มตายคาที่

กูดรุนตกใจตื่นมาเห็นซิกฟรีดกำลังจะตายก็แทบคลั่ง แต่ซิกฟรีดกลับปลอบภรรยาของตนอย่างสงบก่อนจะสิ้นใจ ไม่นานต่อมางานศพของซิกฟรีดก็ถูกจัดขึ้น




เหตุการณ์ช่วงนี้ บางตำนานบอกว่ากุททอร์มลอบสังหารซิกฟรีดตอนออกไปล่าสัตว์ครับ โดยพุ่งหอกใส่เขาขณะที่เขากำลังดื่มน้ำในลำธาร ซึ่งใน Curse of the Ring ก็นำเสนอตามนี้ละครับ กุททอร์มรู้จุดอ่อนของซิกฟรีดเป็นอย่างดี เพราะซิกฟรีดเคยบอกกุนนาร์ไว้นั่นเอง

ในงานศพของซิกฟรีด บรินฮิลด์กล่าวกับกุนนาร์ว่าเรื่องที่ซิกฟรีดหลับนอนกับตนนั้นเป็นเรื่องโกหก และสาปว่ากุนนาร์กับเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ จะต้องประสบกับโศกนาฏกรรมด้วยกันทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากนั้นเธอก็สังหารบุตรของซิกฟรีดกับกูดรุน ก่อนจะเชือดคอตายตาม




ตำนานกล่าวว่า ศพของบรินฮิลด์ถูกฝังด้วยกันกับซิกฟรีด ซึ่งจากที่ชาวนอร์สเล่าขานกันทั่วไป พิธีศพของซิกฟรีดนั้นจัดขึ้นตามอย่างวีรบุรุษ คือบรรจุในเรือแล้วจุดไฟเผา ซึ่งบรินฮิลด์ก็โจนเข้าไปในกองไฟนั้นละครับ กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ตราตรึงในจิตใจของชาวยุโรปทั้งปวงมาจนทุกวันนี้


ส่วนแหวนนีเบลลุงก็ได้ผ่านมือกูดรุนไปยังคนอื่นๆ และทำให้เกิดหายนะกับทุกคนที่ครอบครองมัน รวมทั้งกุนนาร์และเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดด้วย ก่อนที่มันจะจมหายไปในแม่น้ำไรน์ และไม่มีใครได้พบอีกเลย



……………………………



หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด